จับตาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)เปิดรับฟังความคิดเห็นปรับค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย. 2568 จำนวน 3 แนวทาง ซึ่งค่าไฟต่ำสุดอยู่ในระดับเดิมที่ 4.18 บาท จากการตรึงค่า Ft เท่ากับงวดปัจจุบัน
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดประเด็นดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่มีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง อย่างหุ้น BGRIM และ GPSC โดยประเมินว่าการขึ้นค่าเอฟทีทุก 1 สตางค์ ดันกำไรให้เพิ่มขึ้นราว 1%
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2568 ทำให้ค่าไฟฟ้าจะอยู่ในระหว่างช่วง 4.18-5.49 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันที่ 4.18 บาทต่อหน่วย จากค่าไฟฟ้าฐานเฉลี่ยที่ 3.78 บาทต่อหน่วย
ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่สามารถทำให้ค่าไฟปรับลดลงได้นั้น กกพ. ระบุว่า ยังคงมาจากภาระหนี้ค่าเชื้อเพลิงสะสมที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งการปรับขึ้นค่า Ft จะทำให้สามารถคืนหนี้คงค้างให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ปตท. ได้ โดยเปิด 3 แนวทางการปรับค่าไฟฟ้า ดังนี้
แนวทางที่ 1 ปรับค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ 170.71 สตางค์ต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.49 บาทต่อหน่วย เพื่อจ่ายคืนภาระต้นทุนการจัดหาก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าทั้งหมดในงวดเดียว
แนวทางที่ 2 ปรับค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ 147.53 สตางค์ต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.26 บาทต่อหน่วย เพื่อจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างทั้งหมดในงวดเดียว
แนวทางที่ 3 ตรึงค่า Ft เท่ากับงวดปัจจุบัน โดยค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าคงที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เท่ากับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า กกพ. เปิดเฮียริ่ง 3 ทางเลือกค่าไฟงวดมกราคม-เมษายน 2568 ในช่วง 4.18-5.49 บาท/หน่วย ประเมินเป็นกลาง (Neutral) ต่อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค จากที่มองว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจจะมีความยากในการขึ้นค่า Ft จากปัจจุบันที่ 4.18 บาท/หน่วย และอาจมีความเป็นไปได้ที่จะยังคงค่า Ft ต่อไป
อย่างไรก็ดี ยังต้องมีความจำเป็นที่รัฐฯต้องคืนภาระที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแบกรับอยู่ราวแสนล้านบาท คือ ค่า Ft จะต้องขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยรวมทำให้ประเมินต้องติดตามความคืบหน้า
ทั้งนี้ กรณีที่จะเป็นบวก คือ GPSC หาก Ft ปรับขึ้นไปใน band บนหรือมากกว่า 4.18 บาท/หน่วยในปัจจุบัน และต้นทุนค่าก๊าซคาดลดลงในปี 2568 จะทำให้ IU margin (อัตราค่าไฟฟ้าพื้นฐาน บวกค่า Ft หักต้นทุนก๊าซ) กว้างขึ้น ข่าวนี้จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม SPP อาทิ BGRIM และ GPSC เพื่อให้คืนได้หมดภายในระยะเวลาประมาณ 2 ปีกว่าๆ
นอกจากนี้ การปรับขึ้นค่า Ft ทุกๆ 0.01 บาท หรือ 1 สตางค์ คาดว่าจะบวกต่อกำไรของ GPSC และ BGRIM ราว 1%
ด้านฝ่ายวิจัยฯ บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ประเด็นดังกล่าวถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง อาทิ
เนื่องจากค่า Ft งวดใหม่ ทั้ง 3 กรณี มีแนวโน้มทรงตัว หรือมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากงวดก่อนหน้า ในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงพลังงานมีแนวโน้มลดลง ทำให้คาดจะได้รับประโยชน์จากการทยอยชำระหนี้คืนให้แก่ กฟผ. ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 23-131 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม ที่มีการทยอยชำระหนี้เพียงราว 5.42 สตางค์ต่อหน่วย
ซึ่งหากเป็นไปตามแนวทางข้างต้นจะส่งผลให้ อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในช่วงไตรมาส 1/68 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/67
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กกพ. ยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และอาจยังมีความเสี่ยงในด้านนโยบายภาครัฐที่อาจมีมาตรการปรับลดค่า Ft ลง ให้ต่ำกว่าแนวทางที่ กกพ. นำเสนอข้างต้น จึงถือเป็นประเด็นที่ยังต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการต่อไป
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้