เมื่อพูดถึงตลาดอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในเมืองไทย นับเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง และหลายบริษัทกำลังทยอยเข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ GLOBAL DOHOME HMPRO ซึ่งสาเหตุสำคัญคือการระดมทุนเพื่อนำเงินไปขยายสาขาในต่างจังหวัด
โดยในเร็วๆ นี้ถึงคิวของ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MR. D.I.Y. ที่ใครหลายคนชื่นชอบ เพราะด้วยราคาสินค้าที่เข้าถึงง่าย มีสินค้าที่หลากหลาย แถมกระจายสาขาอยู่ในพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ โดยความน่าสนใจของ MR. D.I.Y. คือ กลยุทธ์การบริหารต้นทุนและการประหยัดต่อขนาดที่สร้างการเติบโตให้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2566 บริษัทได้ขายสินค้าไปกว่า 77.2 ล้านรายการเลยทีเดียว
จุดเริ่มต้นของ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. (MR. D.I.Y.) เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2548 โดยเปิดร้านแรกในกรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังจากนั้น บริษัทได้ขยายกิจการอย่างรวดเร็วทั้งในมาเลเซียและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยการเข้ามาขยายตลาดเข้ามายังประเทศไทย ก่อตั้ง บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MR. D.I.Y. เปิดสาขาแรกในปี 2559 ที่กรุงเทพฯ และขยายสาขาอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ
กลยุทธ์การเติบโตของ MR. D.I.Y. คือ การนำเสนอสินค้าที่หลากหลายในราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะสินค้าตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป ทำให้ MR. D.I.Y. สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครบวงจร และด้วยการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่การเปิดสาขาแรกในปี 2559 บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาจนกลายเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไปรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการขยายสาขาใหม่ในปี 2564 จำนวน 121 สาขา ในปี 2565 จำนวน 158 สาขา และในปี 2566 จำนวน 184 สาขา โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 36.3% ต่อปีในปี 2564 - 2566 ปัจจุบัน MR. D.I.Y. มีสาขากว่า 802 แห่ง โดยมีพนักงานที่ทำงานมีจำนวน 9,724 คน
สาขาของ MR. D.I.Y. มีรูปแบบสาขา 2 รูปแบบ ได้แก่
นอกจากสาขาที่มีครอบคลุมทั่วประเทศ MR. D.I.Y. ยังมีการวางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายและตรงใจกับผู้ซื้อ โดยเฉพาะในอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และต้องมีราคาที่จับต้องได้ ด้วยความหลากหลายของสินค้าจนเป็นจุดเด่น
ที่หลายครั้งที่ลูกค้าเดินเข้า MR. D.I.Y. มักจะได้ของมากกว่าที่คิดไว้ โดยในสาขาที่ใหญ่ที่สุดของ MR. D.I.Y. จะมีจำนวนสินค้าวางจำหน่ายอยู่ที่ 15,000 รายการเลยทีเดียว
เมื่อมีสาขาที่มาก จำนวนของที่วางขายในร้านหลากหลาย ทำให้ MR. D.I.Y. มีจำนวนธุรกรรมการขายสินค้าของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีที่ก้าวกระโดด
สถิติการขายสินค้าในแต่ละปีของ MR. D.I.Y. พบว่า
ทำให้ MR. D.I.Y. การบริหารต้นทุนและการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในการจัดหาสินค้าและสามารถกำหนดราคาที่ดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าคู่แข่ง
สินค้าขายดี 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องใช้ในครัวเรือน 35% อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน 23% ฮาร์ดแวร์ 17% อุปกรณ์กีฬาและเครื่องเขียน 8.8% และเครื่องใช้ไฟฟ้า 8.7%
ส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา มีการเติบโตที่ดีมาก โดยตั้งแต่ปี 2564 ถึงปี 2566 รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 7,182.5 ล้านบาท เป็น 12,832.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) 33.7% ต่อปี และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เทียบกับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 5,901.0 ล้านบาท เป็น 7,566.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 28.2%
ในอนาคต MR. D.I.Y. ยังเดินหน้าเพิ่มจำนวนสาขาในไทยเพิ่มขึ้น ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการเปิดสาขาใหม่ครึ่งปีหลังของปี 2567 เพิ่มสาขา 133 สาขา ปี 2568 เพิ่ม 200 สาขา และปี 2569 เพิ่มสาขา 210 สาขา
อย่างไรก็ตาม MR. D.I.Y. อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเข้า IPO MR. D.I.Y. ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 981,482,654 หุ้น เพื่อเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม ส่วนจะเข้าเทรดเมื่อไหร่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่