CPAXTT กลับมาเทรด 3 ต.ค. ชี้ควบ แม็คโคร-โลตัส ประหยัดได้ 5 พันล้าน ดันกำไรต่อหุ้นทะลุ 20%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

CPAXTT กลับมาเทรด 3 ต.ค. ชี้ควบ แม็คโคร-โลตัส ประหยัดได้ 5 พันล้าน ดันกำไรต่อหุ้นทะลุ 20%

Date Time: 1 ต.ค. 2567 10:49 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • หุ้น CPAXTT” เตรียมกลับเข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 3 ต.ค.นี้ เดินหน้าแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจในการควบรวมแม็คโครและโลตัส นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เชื่อว่าการควบรวมนี้ จะทำให้บริษัทสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 5 พันล้านบาท ภายใน 3 ปี

Latest


จับตา บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ในชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ “หุ้น CPAXTT” ที่เตรียมกลับเข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 3 ต.ค. 2567 หลังหยุดเทรดเป็นเวลา 9 วัน เพื่อเดินหน้าแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่ม ควบรวมกับบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือ Ek-Chai ซึ่งเป็นการรวมแม็คโครและโลตัสเข้ามาในบริษัทเดียวกัน


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เชื่อว่าการควบรวมนี้ จะทำให้บริษัทสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 5 พันล้านบาท ภายใน 3 ปี ขณะเดียวกัน เชื่อว่ากำไรของบริษัทในอนาคตจะมีการเติบโตอย่างน่าสนใจในระยะยาว จากอานิสงส์ของการปรับโครงสร้าง


โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ปรับประมาณการกำไรของ CPAXTT ในปี 2567 ขึ้น 1% และปี 2568 ขึ้น 4% เพื่อสะท้อนการควบรวมกิจการ รวมถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของยอดขายอาหารสด และช่องทางขายแบบ Omni channel โดยผู้บริหารตั้งเป้า synergy จากการควบรวมกิจการซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและประหยัดงบลงทุนรวม 5 พันล้านบาทภายใน 3 ปี


โดยครึ่งหนึ่งของ synergy จะมาจากการลดต้นทุนซึ่งมาจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่จะเสร็จในต้นปี 2568 จะช่วยสนับสนุนยอดขายอาหารสดและยอดขายทาง Omni channel อีกทั้งสร้างรายได้เพิ่มเติมเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน


อย่างไรก็ตามหลังจากปรับเพิ่มประมาณการกำไร จำนวนหุ้นที่ลดลงหลังการควบรวมกิจการ และการปรับไปใช้ราคาเป้าหมายณสิ้นปี 2568 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 37.25 บาท จากเดิม 32.00 บาทโดยหุ้น CPAXT ซื้อขายที่ P/E 27.5 เท่า สำหรับปี 2568 เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 22.8 เท่า เราเชื่อว่า Valuation ของ CPAXT สมควรได้รับพรีเมียม เนื่องจากการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่ 20% ในปี 2568 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 14% โดยปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” สะท้อนแนวโน้มที่ดีขึ้น


ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุไปในทางเดียวกันว่า สิ่งที่ต้องติดตามหลังปรับโครงสร้างคือความคืบหน้าในการเกิดการควบรวม โดยตอนต้นปีที่ผ่านมา ผู้บริหารประเมินการควบกิจการ CPAXT และ Ek-chai จะลดต้นทุนซ้ำซ้อนได้ 1% ของยอดขาย หรือคิดเป็นราว 5 พันล้านบาทภายใน 2-3ปี (แบ่งเป็นผ่านงบกำไรขาดทุนและงบลงทุนอย่างละ 50%) โดยคาดปี 2567 ประหยัดต้นทุนนำเข้าได้ทันที 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเกิดขึ้นในช่วง 2 ปีถัดไป


ทั้งนี้ คาดกำไรปกติปี 2567 ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน โดยคาดช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตทั้งจากปีก่อนและครึ่งปีแรก ตามยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่บวกต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนก.ค. ถึงต้น ก.ย. 2567 ยังบวก 1-3% ทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกไทย และ เติบโต 3-5% สำหรับธุรกิจค้าปลีกในมาเลเซีย ส่วนไตรมาส 4/67 คาดจะเร่งขึ้นเพราะได้มาตรการกระตุ้นรัฐ


พร้อมกันนี้ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ค้าปลีกดีขึ้น ตามส่วนผสมขายอาหารสด,การบริหารต้นทุนดีขึ้นและฤดูท่องเที่ยวและ ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ค้าส่งจะขึ้นในอัตราต่ำลง หลังครบรอบปรับฐานขยายออนไลน์


นอกจากนี้ แนะนำ “ซื้อ” มีราคาเป้าหมายหลังควบบริษัทที่ 41 บาทต่อหุ้น เราชอบ CPAXT ในมุมมองการเติบโตในระยะยาว ที่จะได้อานิสงส์จากการปรับโครงสร้างโดยเราคาดเกิด synergy 2.5 พันล้านบาทใน 3 ปี หนุนการเติบโตกำไรปกติปี 2568-2570 เติบโตเฉลี่ยเป็น 18% ต่อปี (CAGR) จากปี 2565-2567 โต 15%

 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ