บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THAI ประกาศยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทุน ตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเป้าหมายให้ส่วนของผู้ถือหุ้นให้กลายเป็นบวกด้วย
รวมถึงการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น (รวมทั้งหุ้นที่เหลือจากกระบวนการ Voluntary Conversion (หากมี)) ให้แก่บุคคลตามที่แผนฯ กำหนด ได้แก่ ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ (โดยไม่จัดสรรและเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้การบินไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ) พนักงานของการบินไทย และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามลำดับ
โดยกระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ ทั้งหมดมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ต่อจากนั้น ภายหลังบริษัทฯ ส่งงบการเงินปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงต้นปี 2568 แล้ว คาดว่าบริษัทฯ จะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการได้ภายในไตรมาส 2/68
ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา การบินไทยได้ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเคร่งครัด รวมถึงปรับการบริหารจัดการองค์กรให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ มุ่งให้เกิดผลสำเร็จตามแผนฟื้นฟูกิจการไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.37 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 การมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบินในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่กรกฎาคม 2566 ถึงมิถุนายน 2567 เท่ากับ 29,292 ล้านบาท และไม่ผิดนัดชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม ส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ยังคงติดลบ 40,427 ล้านบาท ขั้นต่อไปจึงเป็นการเร่งดำเนินงานตามแผนปรับโครงสร้างทุน ซึ่งประกอบด้วย การแปลงหนี้เป็นทุนและการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ลงทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งต้องแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งจะเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยปรับให้โครงสร้างทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นของการบินไทยกลายเป็นบวก
และสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ และนำหุ้นของการบินไทยกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 2/68 อย่างไรก็ดี การบินไทยยังต้องผูกพันตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป โดยจะต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วนตามแผนฯ
ด้าน เฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบการขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 กำหนดให้ในการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ บริษัทฯ ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับ
ในส่วนของการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน การบินไทยจะเสนอขายโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น ให้แก่บุคคลตามที่แผนฯ กำหนด โดยแบ่งลำดับการจัดสรรเป็น 3 ลำดับ ดังนี้
เฉิดโฉม กล่าวเสริมว่า เพื่อความสำเร็จของการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฯ รวมทั้งเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านราคาหุ้นของการบินไทยภายหลังจากวันที่กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้บริหารแผนได้กำหนดมาตรการ Lock-up ห้ามเจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากการแปลงหนี้เป็นทุนที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น ขายหุ้นดังกล่าวจนกว่าจะครบระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่หุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยหลังจากวันที่ครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่หุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะให้เจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นจากการแปลงหนี้เป็นทุนแต่ละรายสามารถขายหุ้นในส่วนดังกล่าวของตนได้จำนวนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นที่ถูกห้ามขาย ซึ่งอ้างอิงเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้การบินไทยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) สำหรับการปรับโครงสร้างทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เพื่อปรับโครงสร้างทุน และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนอีกประมาณ 9,800 ล้านหุ้น ในราคาไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันระหว่างนี้การบินไทยจะเสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเข้ามาเป็นคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดใหม่ ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสุดท้ายตามข้อกำหนดยื่นออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ เบื้องต้นคาดว่าจะเสนอรายชื่อได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ แต่หากไม่สามารถคัดเลือกรายชื่อผู้ที่เหมาะสมแล้วเสร็จ ก็จะมีการเสนอเป็นรูปแบบของการบริหารงานบอร์ดชุดใหม่โดยไม่ระบุรายชื่อ ซึ่งคาดว่าบอร์ดชุดใหม่จำเป็นต้องมีกรรมการอิสระ 3 ราย และควรเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่มีประโยชน์กับการบินไทย เพื่อให้การพิจารณานโยบายของบอร์ดมีความเหมาะสม และโปร่งใสสูงสุด
ส่วนประเด็นหลังปรับโครงสร้างทุน และออกจากแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทจะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่นั้น คงต้องรอดูเจ้าหนี้ที่จะมีการแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดี จากการดำเนินงานของการบินไทยในช่วงฟื้นฟูกิจการ 4 ปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าการเป็นบริษัทเอกชนมีความคล่องตัวมากกว่า และเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ไม่อยากให้การบินไทยกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจ อีกทั้งในแผนฟื้นฟูยังระบุด้วยว่า หน้าที่ผู้บริหารแผนคือไม่ทำให้การบินไทยกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจอีก
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้