เป็นที่น่าจับตา สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CPALL เจ้าของร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” (7-Eleven) ในไทย หลังเริ่มทดลองให้บริการรับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารต่างๆ วันนี้ โดยนักวิเคราะห์ฯ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เชื่อว่าจะช่วยหนุนยอดใช้จ่ายต่อบิลให้เพิ่มขึ้นได้ พร้อมคาดไตรมาส 4/67 ธุรกิจเข้าสู่ช่วง High Season หนุนกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง
ด้าน นักวิเคราะห์ฯ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า CPALL จะได้รับประโยชน์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งล่าสุดได้รับแจกเงิน 10,000 บาทแล้ว โดยประเมินว่าหากรวมจำนวนเงินที่ CPAXTT จะได้รับจากโครงการนี้ จะทำให้ CPALL ได้ยอดขายเพิ่มเติมถึง 42,100 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นกับ “Thairath Money” ว่า ประเด็นรับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร มองว่าเป็นบวกต่อหุ้น CPALL โดยจะทำให้ยอดใช้จ่ายต่อคนต่อบิล สูงขึ้นจากปัจจุบันอยู่ราว 90 บาทต่อบิล
ทั้งนี้ การให้บริการรับชำระผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเนื่องจากสินค้าในร้านสะดวกซื้อไม่ใช่สินค้าราคาแพง ทำให้ลูกค้ามีโอกาสซื้อสินค้าต่อครั้งในจำนวนที่มากขึ้น
ส่วนภาพรวมผลประกอบการปี 2567 คาดโต 17% อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ดีทั้งจากเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังเป็นบวกได้ แม้เป็นช่วงฝนตก แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าไตรมาส 2/67 จะเติบโตได้ดีหลังจากเข้าสู่ช่วง High Season
อย่างไรก็ดี ยังคงแนะนำซื้อหุ้น CPALL ที่ราคาเป้าหมาย 76 บาท แต่ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว จากสะท้อนปัจจัยบวกเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ ทำให้อัพไซด์ค่อนข้างจำกัด ดังนั้น อาจหาจังหวะทยอยแบ่งขายทำกำไรได้
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า CPALL จะรับรู้ยอดขายเพิ่มเติม จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จำนวนเงินในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสแรกที่ 1.45 แสนล้านบาท เป็นการแจกเงินสดจำนวน 10,000 บาท ภายในเดือนกันยายน ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน และผู้พิการจำนวน 2.1ล้านคน
หากอ้างอิงตามผลสำรวจของ SCB EIC ที่ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิได้รับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ พบว่าจะนำเงินที่ได้ใช้จ่ายกับสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อประมาณ 38.2% คิดเป็น 55,400 ล้านบาท จากเงินงบประมาณของโครงการในเฟสแรก คาดว่าผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการจะมีการใช้จ่ายเงินที่ได้รับทั้งหมดภายในไตรมาส 4/67 กับร้านสะดวกซื้อที่เป็น Modern Trade จำนวน 33,300 ล้านบาท Traditional Trade จำนวน 16,600 ล้านบาท และ Super/Hypermarket จำนวน 5,500 ล้านบาท
ในส่วนของ Modern Trade ร้านสะดวกซื้อ คาดว่า 7-11 จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดกว่า 23,800 ล้านบาท อิงตามยอดสาขาที่มีมากถึง 14,854 สาขา คิดเป็นประมาณ 71% ของจำนวน ร้านสะดวกซื้อทั้งหมดในไทย ซึ่งหากรวมจำนวนเงินที่ CPAXTT จะได้รับจากโครงการนี้ จะทำให้ CPALL ได้ยอดขายเพิ่มเติมถึง 42,100 ล้านบาท ถ้าคิดตามสัดส่วนเจ้าของใน CPAXTT ที่ 34.9% จะเปรียบได้ว่ามีเม็ดเงินไหลไปยัง CPALL ถึง 30,200 ล้านบาท
ส่งผลให้คาดการณ์ยอดขายและกำไรสุทธิ (Consolidated)ในไตรมาส 4/67 ที่ 285,023 ล้านบาท โต 21.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 14,621 ล้านบาท โต 115.1% จากปีก่อน ตามลำดับ
นอกจากนี้ คาด SSSG ในไตรมาส 4/67 ฟื้นตัวมาอยู่ที่ 4.5% ประกอบกับข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) มีสัญญาณฟื้นตัวจาก 54.8 มาที่ 55.1 มีแนวโน้มว่าในไตรมาส 4/67 ความมั่นใจผู้บริโภคจะกลับมาอีกครั้ง มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น คาดเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มค้าปลีกและ CPALL
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้