จากกระแสข่าวที่ Bloomberg รายงานว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือ Credit rating ลง เนื่องจากสถานการณ์หนี้ที่เพิ่มขึ้นนั้น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดว่าจะมีผลกระทบเชิงจิตวิทยาเชิงลบในช่วงสั้นๆ ต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยเท่านั้น และประเมินว่าปัจจุบันยังไม่เห็นความเสี่ยงหากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจและสถานการณ์คลัง
นอกจากนี้ เมื่อมองข้ามช็อตไปในปี 2568 ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,670 จุด โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยคาดจะขยายตัวต่อเนื่อง 12.5% อยู่ที่ 1.19 ล้านล้านบาท พร้อมจับตาปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า จากกรณี Bloomberg รายงานประเทศไทยมีความเสี่ยงจะมีการปรับลด Credit rating ในมุมมอง บล.กรุงศรี ประเมินโดยรวมเป็นเพียงจิตวิทยาลบสั้นๆ ต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ประเมินยังไม่เห็นความเสี่ยงในการที่ไทยจะถูกปรับลด Credit rating เมื่อเทียบปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจและสถานการณ์คลังปัจจุบันเมื่อเทียบกับในอดีต
ทั้งนี้ การเมืองไทยมีพัฒนาการดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว ปี 2567 คาดโต 2.4% และปี 2568 ตลาดคาดเติบโตที่ 2.8-3.0% ด้านเสถียรภาพทางการคลัง เสถียรภาพระบบการเงินยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยยังต้องติดตามสถานะและพัฒนาการในปี 2568
หากพิจารณาในอดีตประเทศไทยไม่เคยถูกปรับลด Credit rating ลงตั้งแต่ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 กรณีเลวร้าย มองว่าจะปรับแนวโน้มลงจากปัจจุบัน อิง S&P ให้ rating ปัจจุบัน BBB+ และแนวโน้มคือ Stable
จากสถิติในอดีต ช่วงที่ถูกปรับแนวโน้มลง ตลาดหุ้นปรับลงเพียงช่วงสั้น มองเป็นเพียง “Noise” ส่วนค่าเงินบาทไม่ได้ตอบสนองอย่างมีนัยยะ อิงจากสถิติ 2 รอบล่าสุด คือ ธ.ค. 2551 ไทยถูกลดแนวโน้มลง หลังจากนั้น 1 วัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 1.4% และปรับฟื้นกลับมา ส่วน 21 เม.ย. 2563 หลังจากนั้น 1 วัน ดัชนีปรับขึ้น 0.71%
ด้าน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ได้ปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของตลาดหุ้นไทยปี 2567 ขึ้น 5.2% จากประมาณการเดิม เป็น 1.061 ล้านล้านบาท และปรับกำไรต่อหุ้น (EPS) จาก 81.6 บาทต่อหุ้น เป็น 85.9 บาทต่อหุ้น โดยประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2567 คาดจบที่ 1,542 จุด
ทั้งนี้ ในปี 2568 คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จะขยายตัวต่อเนื่อง 12.5% อยู่ที่ 1.19 ล้านล้านบาท ส่วน EPS คาดอยู่ที่ 96.6 บาทต่อหุ้น โดยประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,670 จุด โดยใช้ P/E ที่ค่าเฉลี่ย 17.3 เท่า
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2568 ไม่ถึงเป้าหมาย คือ มีปัญหาด้านการเมือง หรือเศรษฐกิจไทยยังโตช้า และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจีน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้