เปิด 3 มุมมองกูรูชื่อดัง  เมื่อหุ้นไทยขึ้นแรง  “แพงแล้ว”หรือ “เริ่มต้นขาขึ้น”

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เปิด 3 มุมมองกูรูชื่อดัง เมื่อหุ้นไทยขึ้นแรง “แพงแล้ว”หรือ “เริ่มต้นขาขึ้น”

Date Time: 24 ก.ย. 2567 12:47 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดที่ 1,289 จุด เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ขึ้นมาอยู่ที่ 1,447 จุด ณ วันที่ 23 กันยายน เพิ่มขึ้นกว่า 158 จุดในระยะเวลาเพียงเดือนกว่า ๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐ ซึ่งทำให้ภาพรวมการลงทุนในประเทศดูสดใสขึ้นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม คำถามที่ตามมาก็คือ การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนี้เป็นสัญญาณของความมั่นคงที่ยั่งยืน หรืออาจมีการเทขายเพื่อทำกำไรในระยะสั้น? หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ช่วง "ขาขึ้น" ของตลาดหุ้นไทย?

ในงานสัมมนา "ตลาดหลักทรัพย์สัญจร" ที่จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้หัวข้อ “หาโอกาสในตลาดหุ้น สร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโต” เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา มีการจัดเวทีเสวนาที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและนักลงทุนชื่อดังมาร่วมแสดงความคิดเห็น ทั้ง  "เซียนมี่" ทิวา ชินธาดาพงศ์ นายกสมาคมนักลงทุนประเทศไทย, "เนย" ธนพร เจียรนัยกุลวานิช เจ้าของเพจ Stock JourNoey และ กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน


ในเสวนาดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนต่างเห็นพ้องกันว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ แม้จะดูร้อนแรง แต่ก็ถือเป็นเพียง "จุดเริ่มต้น" ของขาขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายประการที่สนับสนุนให้ตลาดเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการสนับสนุนจากกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งเตรียมเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นตลาด

เราอยู่ในจุดเริ่มต้นของขาขึ้น 


กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ได้ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้เพิ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้น โดยมีปัจจัยสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งในการประชุมรอบล่าสุด เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% และมีการคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงอีก 1% และในปีหน้าอาจลดลงต่อเนื่องอีก 1% การลดดอกเบี้ยนี้จะส่งผลให้เงินทุนทั่วโลกไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง


“แม้เศรษฐกิจไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติมากเกินไป แต่ในขณะนี้ เศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว โดยเฉพาะจากการบริโภคภาคบริการและการท่องเที่ยวที่เติบโต”


 อีกทั้งรัฐบาลใหม่ยังมีนโยบายที่จะต่อยอดการพัฒนาภาคบริการอีกด้วย หากโครงการสำคัญอย่าง "เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์" ได้รับการผลักดันสำเร็จ คาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยในอีก 3 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นจากระดับ 30 ล้านคน เป็นกว่า 50 ล้านคน


เงินต่างชาติอาจไหลเข้าอีกแสนล้าน 

กรภัทร มองว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีเงินทุนไหลเข้าสูงถึงแสนล้านบาทในระยะสั้น และมีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,480 จุดภายในปีนี้ โดยเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ และภาคบริการ โดยเฉพาะบริษัท AOT และ GULF ที่คาดว่าจะเป็นตัวนำในการขับเคลื่อนตลาดหุ้นในระยะถัดไป


ตลาดหุ้นดี ความเชื่อมั่นฟื้น


ทิวา ชินธาดาพงศ์  หรือ "เซียนมี่"ายกสมาคมนักลงทุนประเทศไทย มองว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตยังคงต่อเนื่องไปยังครึ่งปีหลัง และการที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณประจำปี จะเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น 


“แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยจากต้นปีเราบวกไม่ถึง 2%  แต่มันมีพลังมากพอที่จะสร้างความมั่นใจในตลาดหุ้น เมื่อทุกคนเริ่มมีกำลังใจเราเชื่อว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะได้ผลดีไปด้วย”


เซี่ยนมี่ มองว่าภาคการท่องเที่ยวของไทย ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 11 ของโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกว่า 30-40 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนและอินเดีย หากมีโครงการ "เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์" เพิ่มขึ้น คาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 60 ล้านคนในอนาคต นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติก็มีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์และเทคโนโลยี

DR ช่วยกระจายพอร์ต 

ธนพร เจียรนัยกุลวานิชหรือ "เนย" เจ้าของเพจ Stock JourNoey ได้กล่าวถึงการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยว่า หุ้นหลายตัวปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้พอร์ตเก็งกำไรได้รับผลดี แต่ในพอร์ตลงทุนระยะยาวอาจเจอกับความท้าทาย เนื่องจากการหาหุ้นที่เหมาะสมกับการลงทุนระยะยาวในช่วงนี้ทำได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอเน้นว่ายังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นหลัก แต่สำหรับการลงทุนระยะยาว 


เธอแนะนำให้เน้นการลงทุนในกองทุนรวม ในขณะที่การเก็งกำไรในระยะสั้นจะเน้นการลงทุนในหุ้น DR หรือ DRX ซึ่งช่วยให้การบริหารพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศทำได้ง่ายขึ้น


อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังคงเดินหน้าให้ความรู้ในนักลงทุนในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง  โดยจะมีการจัดงาน  ตลาดหลักทรัพย์ สัญจร จ.ขอนแก่น “หาโอกาสในตลาดหุ้น สร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโต”โดยในวันที่ วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567  เวลา 9.00 - 16.00 น. (เริ่มลงทะเบียน เวลา 8.30 น.) ที่ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น สร้างโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นไทย 

ลงทะเบียนได้ที่ https://setga.page.link/m4Z5


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ