ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเจอมรสุมอย่างหนัก ทั้งจากความไม่แน่นอนด้านการเมืองในประเทศและความผันผวนของเศรษฐกิจ ทำให้ดัชนีร่วงทำจุดต่ำสุดของปี 2567 ณ วันที่ 6 สิงหาคม ปิดที่ระดับ 1,274.01 จุด ลดลง 141.84 จุด หรือ -10% จากต้นปี โดยพบว่าในเวลานั้น นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นกว่า 121,628.66 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิในมูลค่าใกล้เคียงกันที่ 121,995.51 ล้านบาท
แต่หลังจากปัจจัยกดดันต่างๆ เริ่มคลี่คลายอย่างชัดเจน ทั้งการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมมีความคาดหวังในเม็ดเงินการลงทุนจากกองทุนรวมวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESG ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นพ้นจุดต่ำสุดได้
อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งทำจุดสูงสุดได้อีกครั้ง โดยปิดตลาดวันที่ 20 กันยายน ดัชนีอยู่ที่ 1,451.69 จุด เพิ่มขึ้นกว่า 177.68 จุด หรือ +13.94% จากจุดต่ำสุดในวันที่ 6 สิงหาคม
และหากดูจากข้อมูลซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุน ตั้งแต่ 6 สิงหาคม ถึง 20 กันยายน จะพบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยในทิศทางที่เร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นักลงทุนรายย่อยในประเทศขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้:
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามต่อไปว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะหากนับจากต้นปี 2567 พบว่านักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 9.3 หมื่นล้านบาท แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายค่ายต่างก็ประเมินว่า โอกาสที่กระแสเงินลงทุนจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดหุ้นไทยมีมากขึ้น หลังทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาลง
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้