BBGI  “ฟ้าหลังฝน”  ลุ้นรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ เมื่อ 3 ขาธุรกิจ “เริ่มออกผล”

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

BBGI “ฟ้าหลังฝน” ลุ้นรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ เมื่อ 3 ขาธุรกิจ “เริ่มออกผล”

Date Time: 21 ก.ย. 2567 08:29 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • BBGI กำลังพลิกฟื้น ด้วยการขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซลและเอทานอล รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจใหม่อย่าง Sustainable Aviation Fuel (SAF) ที่ตอบรับความต้องการพลังงานสะอาดในอนาคต ทำให้บริษัทเตรียมสร้างรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ภายใน 3 ปีข้างหน้า

Latest


บางครั้งเวลาแค่ปีเดียวก็เปลี่ยนบางสิ่งไปตลอดกาล โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่เวลามักหมุนเร็ว บางธุรกิจที่เคยย่ำแย่ แต่เมื่อมีปัจจัยที่เปลี่ยนไปกลับมาสร้างกำไรได้มหาศาล อย่าง บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ที่เคยประสบปัญหาราคาหุ้นตกต่ำ จากซัพพลายไบโอดีเซล และเอทานอลล้นตลาด แต่เวลาต่อมาเกิดดีลกลุ่มบางจากเข้าซื้อเอสโซ่ ทำให้ BBGI ในฐานะของลูกกลุ่มบางจากได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่


และในขณะเดียวกัน ขาธุรกิจใหม่ทั้งการผลิตและจำหน่าย SAF ธุรกิจไบโอเทคโนโลยีกำลังจะออกดอกออกผล ทำให้ใน 3 ปีข้างหน้า BBGI มีโอกาสที่จะสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์


กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า การเติบโตของ BBGI ในปี 2567 จะไม่เหมือนกับ 2 ปีที่ผ่านมา ถึงจุดที่เรามั่นใจว่าเป็นช่วงเทิร์นอะราวด์ของธุรกิจ ทั้งธุรกิจผลิตไบโอดีเซล และเอทานอล และฝั่งธุรกิจใหม่ ทั้ง Sustainable Aviation Fuel (SAF) หรือเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น


“BBGI เรามองว่า ผ่านจุดเทิร์นอะราวด์ไปแล้ว เพราะบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันจังหวะของธุรกิจใหม่ก็ถึงเวลาที่จะเติบโต”


BBGI บนพื้นฐานที่เปลี่ยนไป


กิตติพงศ์  เล่าว่า ฝั่งธุรกิจดั้งเดิมของ BBGI เราเป็นผู้ผลิตไบโอดีเซล และเอทานอลรายใหญ่ในเมืองไทย โดยที่ผ่านมา BBGI มีจุดเปลี่ยนที่สำคัญ จากการที่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เข้าซื้อ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ “BSRC”


ผลสำคัญของการควบรวมทำให้สถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น ความต้องการไบโอดีเซล และเอทานอลเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่ง BBGI ทำหน้าหาซัพพลายไบโอฟีลให้กับกลุ่มบางจาก เมื่อเกิดการควบรวมขึ้นความต้องการก็มากกว่าเดิม


ซึ่งในเวลานี้ BBGI เดินเครื่องกำลังการผลิตไบโอดีเซล 100% ข้อดีคือต้นทุนการผลิตนั้นคงที่ แต่เมื่อปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้เกิด Economies of scale กดต้นทุนจะถูกกว่า 30% โดยปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 ล้านลิตรต่อวัน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท


“แม้ว่าเราเดินหน้าการผลิต 100% ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้เราต้องหาซัพพลายเพิ่มเติมให้กับกลุ่มบางจาก"


 ซึ่งภาวะตอนนี้ในอุตสาหกรรมโอเวอร์ซัพพลายทั้งเอทานอล และไบโอดีเซล จึงเป็นโอกาสของการหาสินค้าในราคาที่ถูกให้กับกลุ่มและจะสร้างการเติบโตในบริษัทในระยะยาว


แม้เวลานี้มีความท้าทายจากการเกิดขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามามีผลกระทบ จากการประเมินเรามองว่า ปิโตรเลียมจะได้รับความนิยมถึงปี 2578 ถ้าอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ เราหวังว่าเราจะเป็น last man standing หรือคนสุดท้ายที่ยังยืนหยัดอยู่ในธุรกิจได้


SAF เติมพอร์ตต้นปีหน้า

นอกจากขาธุรกิจเดิมที่ฟื้นตัวและกำลังทำสถิติเดินกำลังการผลิตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว ธุรกิจใหม่ก็ขยายตัวได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะ Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF จะเป็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในอนาคต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสายการบินที่เครื่องบินที่ทางการยุโรปกำหนดให้ต้องใช้น้ำมันที่รักสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ทำให้ความต้องการใช้ SAF มากขึ้น


กลุ่มบางจากเห็นโอกาสดังกล่าว และสร้างโรงงานผลิต SAF กำลังการผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท BBGI ถือหุ้นอยู่ 20% ความคืบหน้าของการสร้างโรงงานยังอยู่ในแผนและคาดว่าจะเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 หรือ ต้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2568


ด้านการผลิตเราเลือกเทคโนโลยีซื้อน้ำมันใช้แล้ว เป็นเทคโนโลยีที่ถูกที่สุดในเวลานี้ ก่อนที่จะเข้าไปสู่แอลกอฮอล์ ทู เจ็ท โดยในฝั่งผู้ซื้อนั้นเราได้ลงนามขายสินค้ากับกลุ่มคอสโม่ ออย พันธมิตรจากญี่ปุ่น เป็นผู้รับซื้อน้ำมันไปแล้ว


ส่วนในขาธุรกิจไบโอเทคโนโลยี เราได้รับสิทธิประโยชน์ในระดับ A1+ ระดับสูงสุดจาก BOI ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี 10 ปี จนวันนี้โรงงานอยู่ในช่วงของการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มเดินหน้าการผลิตได้ตั้งแต่ต้นปี 2568

BBGI จะเป็นผู้รับจ้างผลิต 

เป้าหมายของธุรกิจไบโอเทคโนโลยี BBGI จะทำหน้าที่สเกลอัพ โดยจะทำหน้าที่รับจ้างผลิต การเติบโตจะกลับมาก้าวกระโดดได้ และน่าจะเริ่มเห็นในปี 2568 เพราะโปรเจคที่เราทำเป็นลักษณะของ B2B ที่จะเข้ามาอิมแพคกับผลประกอบการโดยทันที


ที่ผ่านมา ลูกค้าเริ่มติดต่อเข้ามาแล้ว และเราเริ่มตรวจสอบกำลังการผลิตของเรา ซึ่งเราอยู่ระหว่างเจรจาพาร์ตเนอร์ในการเข้ามาใช้กำลังการผลิตของเราและหากสำเร็จกำลังการผลิตในเฟสแรก จะถูกล็อคด้วยคำสั่งซื้อทันที


อย่างไรก็ตามภาพในระยะยาวของ BBGI เราวางเป้าหมายของ EBITDA จากฝั่งผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีราคาสูง 40-50% ของทั้งหมดใน 3 ปีข้างหน้า สร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทในระยะยาว

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์