กกพ.ค่า Ft ตรึงค่าไฟ 4.18 บาท หุ้นโรงไฟฟ้าวิ่งสวน รับโอกาสสะสมกำลังผลิตเพิ่ม

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีมติเห็นชอบค่า Ft ขายปลีก สำหรับเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้า ประจำเดือนกันยายน-เดือนธันวาคม 2567 เท่ากับ 39.72 สตางค์/หน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศเท่ากับ 4.18 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้แม้ว่า กกพ.จะมีมติเห็นชอบคงค่า Ft แต่ในส่วนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นโรงไฟฟ้าวันนี้ยังปรับเพิ่มขึ้นในวันนี้ หลังจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 

บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับปี 2565-2573 phase 2 กำลัง การผลิต 3,668 เมกะวัตต์ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกหลักเกณฑ์และประกาศรับซื้อต่อไป พร้อมเห็นชอบข้อเสนอปรับเลื่อนกำหนดวันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โครงการลมที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งทุเลาของศาลออกไป แต่ไม่เกินปี 2573 สำหรับการเปิดรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว กบง.ได้เห็นชอบข้อเสนอให้มีการปรับปรุงหลักการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม 

โดยจะมีการทบทวนและปรับเกณฑ์การพิจารณา ซึ่งจะให้กลุ่มผู้ยื่นคำเสนอที่ผ่านหลักเกณฑ์ในรอบแรก แต่ไม่ได้รับคัดเลือก จะได้รับพิจารณาเป็นลำดับแรกก่อน สำหรับโครงการ 1) โรงไฟฟ้าพลังงานลมรวมไม่เกิน 600 เมกะวัตต์ 2) โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์สำหรับติดตั้งบนพื้นดิน ไม่เกิน 1,580 เมกะวัตต์ ส่วนโควตาที่เหลือจากโครงการดังกล่าวข้างต้น จะเปิดให้รับซื้อเป็นการทั่วไป 

ทั้งนี้ กกพ.จะเป็นผู้ออกหลักเกณฑ์ และประกาศรับซื้อต่อไป ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจน จึงยังถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม นอกจากนี้ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 22 โครงการที่ได้รับคัดเลือกในรอบการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน phase แรก 5,203 เมกะวัตต์ โดยผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดฯ อาทิ GULF, BGRIM, GUNKUL, SSP เป็นต้น 

ซึ่งปัจจุบันได้รับผลกระทบจากคำสั่งทุเลาของศาลปกครองกลางทำให้โครงการดังกล่าวยังมีความล่าช้ากว่าแผนเดิม ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้เลื่อนวันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในกลุ่มโครงการโรงไฟฟ้า พลังงานลม ดังกล่าวออกไปให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของแต่ละโครงการได้ตามสมควร แต่ไม่ให้เกินกรอบภายในปี 2573

ประเด็นดังกล่าวถือเป็นความเชื่อมั่นเชิงบวกโดยรวมต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ามีโอกาสสะสมเมกะวัตต์ได้มากขึ้น และถือเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่มุ่งสู่ Net Zero carbon ในอนาคต ถึงแม้ว่าในแง่ของประมาณการเบื้องต้นมองว่าผลตอบแทนโครงการฯ โดยรวมอาจไม่ได้อยู่สูง เมื่อ POWER Neutral ดัชนีกลุ่ม 18,080.54 จุด ดัชนีตลาด 1,320.86 จุด 1 สิงหาคม 2567 เทียบกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของประเทศไทยในช่วงอดีตที่ผ่านมาที่มี EIRR อยู่ราว 12-15% เนื่องจากเป็นการเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าด้วยอัตราค่าไฟที่ต่ำลง

แต่อย่างไรก็ตามถือเป็นการช่วยต่อยอดฐานกำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้าได้ ในระยะยาว ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเลือก GULF มูลค่าที่เหมาะสม 56 บาท เป็น top pick จากการทิศทางกำไรปกติที่เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งในระยะสั้น 2Q67 และระยะยาว รวมถึงโอกาสแสวงหาโครงการใหม่ๆ ทั้งในธุรกิจหลักโรงไฟฟ้าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้อีกมากในอนาคต.

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment