หลายคนคงสงสัยว่าตลาดทุนของประเทศไทย จะมีส่วนช่วยสร้างความยั่งยืนของการลงทุนได้อย่างไร และจะช่วยบริหารความ เสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Risk) ได้อย่างไร Sustainable Together สัปดาห์นี้ จะพาไปหาคำตอบกับ “สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” หรือ ก.ล.ต.
“นางพรอนงค์ บุษราตระกูล” เลขาธิการ ก.ล.ต. เริ่มต้นเล่าว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค.67 ก.ล.ต. ได้จัดกิจกรรม “Leading the Change : Driving Sustainability Aspiration into Action” ให้แก่กรรมการและผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อร่วมสร้าง “Tone from the Top”
ในการผลักดันให้บริษัทที่ลงทุน มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รวมถึงลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Climate Risk โดยนำหลักการ ESG ไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
สาเหตุที่จัดกิจกรรมนี้ให้กับผู้บริหารระดับสูงของ บลจ. เนื่องจากมองว่า บลจ. ในฐานะผู้ลงทุนสถาบัน ที่ดูแลเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่ มีศักยภาพที่จะสร้างแรงกระเพื่อม และมีส่วนช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ผ่านการเป็นผู้ลงทุนที่มีความรับผิดชอบ ด้วยการจัดสรรเงินทุนไปยังบริษัทที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี และมีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
รวมทั้งมีส่วนร่วมผลักดันให้บริษัทที่ไปลงทุน กำหนดมาตรการรับมือ Climate Risk ได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง สอดรับกับความเร่งด่วนของวาระสำคัญดังกล่าว อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงให้กองทุนที่บริหารจัดการ และช่วยให้ผู้ลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
โดยที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ออกหลักเกณฑ์รองรับการจัดตั้งและบริหารจัดการ “กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน” (Sustainable and Responsible Investing Fund) และ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” (Thailand ESG Fund) รวมทั้งได้จัดทำคู่มือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการ และเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศสำหรับผู้ประกอบธุรกิจจัดการลงทุน ซึ่งได้จัดอบรมให้แก่ บลจ.และผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุน เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าประสงค์ที่จะส่งเสริมให้เกิดการจัดสรรเงินลงทุน ไปยังกิจการที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การเปิดเผยข้อมูลการลงทุนให้ผู้ลงทุนทราบอย่างโปร่งใส และการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลตามเป้าหมายที่ภาครัฐตั้งไว้
“เชื่อมั่นว่า Tone from the Top จากคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของ บลจ.จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้ และเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งไปยังผู้จัดการกองทุน รวมถึงพนักงานของ บลจ.ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
และพร้อมนำปัจจัย ESG ไปผนวกในกระบวนการลงทุน การบริหารความเสี่ยง และการดำเนินงานต่างๆขององค์กร ซึ่งจะมีผลช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) และเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนในภูมิภาค” นางพรอนงค์กล่าวทิ้งท้าย
หลังจากนี้ น่าจะเห็นบริษัทต่างๆมีการลงทุนอย่างยั่งยืน และกำหนดมาตรการรับมือกับ Climate Risk กันมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายของ ก.ล.ต.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่