“กัลฟ์” รวมร่าง ก่อนผลิบานเป็นธุรกิจแสนล้าน

Investment

Stocks

กระบองเพชร

กระบองเพชร

Tag

“กัลฟ์” รวมร่าง ก่อนผลิบานเป็นธุรกิจแสนล้าน

Date Time: 22 ก.ค. 2567 15:40 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

ในห้วงเวลาที่ความเชื่อมั่นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงจากคดีทุจริต และฉ้อโกงของบรรดาผู้บริหารระดับสูงบริษัทจดทะเบียนที่ขาดความรับผิดชอบ และ ไม่มีธรรมาภิบาลในการบริหารกิจการอย่างแท้จริง

อย่างน้อย ประเทศชาติ และคนไทยเราก็ยังโชคดีที่มีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่อย่าง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ที่มี สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งยังคงมุ่งมั่นต่อยอดธุรกิจให้เติบใหญ่ สู่ความยั่งยืนสำหรับอนาคต เป็นผลดีทั้งต่อบริษัท นักลงทุน ตลอดจนถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ

นับตั้งแต่ที่ กัลฟ์ เข้าจดทะเบียนในตลาด นอกจากเขาจะขยายธุรกิจไฟฟ้าให้เติบใหญ่ขึ้น สร้างรายได้ทั้งในแง่ราคาหุ้นที่สูงขึ้น และผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องแก่บริษัท และผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาแล้ว

กัลฟ์ ยังมี สารัชถ์ เป็นผู้นำพาธุรกิจสู่โครงสร้างขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่เพียงเพื่อรอง รับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเท่านั้น แต่ยังเพื่อรองรับอนาคตของเศรษฐกิจโลกได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการตัดสินใจเข้าไปซื้อกิจการซึ่งเป็นที่ต้องการในอนาคตอย่าง ธุรกิจโทรคมนาคม และ ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น

ล่าสุด สัปดาห์ที่ผ่านมา กัลฟ์ ประกาศผ่านตลาดหลักทรัพย์ว่า จะควบรวมกิจการกับ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ “NewCo” ไว้ก่อน โดยคาดว่า นำบริษัทนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2568

ปัจจุบัน กัลฟ์ มีมาร์เก็ตแคป 525,058.46 ล้านบาท ส่วน อินทัช มีมาร์เก็ตแคป 249,319.97 ล้านบาท หากทั้งสองควบรวมกิจการกันเสร็จสิ้น เขาจะมีมาร์เก็ตแคปเท่ากับ 774,378.43 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ในตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ถ้ารวมมาร์เก็ตแคปของบริษัทจดทะเบียนที่ สารัชถ์ นำ กัลฟ์ อาณาจักรจากโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ เข้าไปถือหุ้นในธุรกิจสื่อสาร โทรคมนาคม ดาวเทียม ซึ่งหมายถึง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส หรือ ADVANC และ บมจ.ไทยคม หรือ THCOM แล้ว

อาณาจักรของ “เจ้าสัวสารัชถ์” ในตลาดหลักทรัพย์ไทย น่าจะขึ้นทำเนียบธุรกิจยักษ์ใหญ่อันดับที่ 2 รองจากกลุ่มธุรกิจของ บมจ.ปตท. หรือ PTT

ที่สำคัญคือ อนาคตอันใกล้ NewCo น่าจะมีศักยภาพเหนือกว่าในการเป็นผู้นำธุรกิจดิจิทัล โทรคมนาคม และดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีความพร้อมในโครงสร้างสาธารณูปโภคหลักๆ ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

การปิดดีลครั้งนี้ ยังเป็นธุรกรรมการควบรวมกิจการครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างตลาดหุ้นไทย และ สิงคโปร์ ด้วย

เพราะโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลักของ NewCo จะมีทั้ง กัลฟ์ อินทัช แอดวานซ์ ไทยคม และ Singtel ซึ่งจัดเป็นผู้นำในธุรกิจด้านต่างๆ อันจะมีผลให้ กัลฟ์ ใหญ่โตขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นด้วยโครงสร้างธุรกิจ 4 ด้านคือ ธุรกิจพลังงาน-โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โรงไฟฟ้า ท่าเรือ 2 แห่ง และ คลังเก็บ LNG

กัลฟ์ ยังมี ธุรกิจดิจิทัล ที่ประกอบไปด้วย ธุรกิจคลาวด์ที่จะร่วมมือกับ Google, ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ทำร่วมกันระหว่าง กัลฟ์ เอไอเอส และ Singtel โดยใช้ศักยภาพของธุรกิจมือถือ 5G ที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดเชื่อมโยงถึง ธุรกิจดาวเทียม ที่มีแผนจะปล่อยดาวเทียมสู่วงโคจรอีก 3 ดวงในปีหน้า

ในด้านการเงิน กัลฟ์ มี กระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หลังการเข้าไปลงทุนใน Binance เพื่อใช้เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก โดยระหว่างนี้ กัลฟ์ ยังอยู่ระหว่างขอไลเซนส์เพื่อทำ Virtual Bank ร่วมกับพันธมิตรในอนาคตด้วย

ผลจากการควบรวมกิจการกันครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนรายได้ระหว่างธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจพลังงานของบริษัทใหม่ ปรับเปลี่ยนจากเดิม 30:70% เป็น 40:60%

“นี่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 บริษัท และผู้ถือหุ้น ทุกฝ่าย เพราะเป็นการเพิ่มศักยภาพการเป็นผู้นำในการขยายธุรกิจพลังงาน และธุรกิจโทรคมนาคม” สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ กัลฟ์ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

เขาบอกด้วยว่า นี่เป็นธุรกรรมที่ซับซ้อน และละเอียดอ่อน ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบทุกด้าน และผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นทุกฝ่ายทั้งรายย่อย รายใหญ่ สถาบันการเงิน และกองทุนต่างๆ

โดยธุรกิจพลังงานของเขาจะมุ่งขยายสู่พลังงานหมุนเวียน ส่วนธุรกิจโทรคมนาคมจะเน้นต่อยอดไปสู่ธุรกิจดิจิทัลมากขึ้น การควบรวมกิจการกันนี้จะทำให้การบริหารจัดการของบริษัทภายในกลุ่มทั้งหมดมีความเข้มแข็ง และชัดเจนมากขึ้น

สารัชถ์ ยังขอบคุณผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่สนับสนุนการควบรวมบริษัท พร้อมกับมีความหวังว่า นี่จะเป็นข่าวเชิงบวกแก่ตลาดทุนไทย และ ช่วยสร้าง

ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในตลาดหุ้นกลับคืนมา

หลังปฏิบัติตามขั้นตอนการควบรวมกิจการที่ กัลฟ์ มีวัตถุประสงค์จะเข้าไปมีอำนาจควบคุมการบริหารในบริษัทต่างๆ กัลฟ์ จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้น แอดวานซ์ และ ไทยคม ซึ่งระบุจะซื้อหุ้นแอดวานซ์ที่ราคาหุ้นละ 216.30 บาท และ ไทยคมที่ราคา 11 บาทเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เราๆ ท่านๆ ต้องติดตามดีลแห่งการบูรณาการครั้งสำคัญนี้อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือการปรับโครงสร้างธุรกิจประเทศครั้งใหญ่ที่ตอบทุกโจทย์ในอนาคตได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน และมีอำนาจต่อรองในตลาดต่างประเทศอย่างแข็งแกร่ง อันจะนำพาความร่ำรวยมาสู่บริษัท และนักลงทุนแน่นอน

กระบองเพชร