งานเข้า!! ตลท. จ่อสั่ง EA ชี้แจง รายงานผู้บริหารขายหุ้น ข้อมูลไม่ตรงกัน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

งานเข้า!! ตลท. จ่อสั่ง EA ชี้แจง รายงานผู้บริหารขายหุ้น ข้อมูลไม่ตรงกัน

Date Time: 11 ก.ค. 2567 17:39 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย EA รายงานขายหุ้นวันที่ 1 ก.ค. ไม่สอดคล้องกัน โดยรายงาน ก.ล.ต. ว่าเป็น Auto Matching แต่ชี้แจงตลาดว่าเป็น Biglot ในกลุ่ม เผยกำลังเตรียมรวบข้อมูล จี้บริษัทแจงข้อเท็จจริงใน 1-2 วัน พร้อมแนะผู้ลงทุน ดูข้อมูลหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น ปิดเสี่ยงการลงทุน เชื่อหุ้นครึ่งปีหลังฟื้น ฟันโฟลว์ไหลเข้า กองทุน TESG-วายุภักษ์ หนุน

Latest


ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า พบข้อมูลที่บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA รายงานวิธีขายหุ้นวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ไม่สอดคล้องกันระหว่างข้อมูลที่รายงานกับสำนัก ก.ล.ต. และข้อมูลที่เปิดเผยผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อออกหนังสือให้บริษัทชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้สร้างความสับสนต่อผู้ลงทุน คาดว่าสามารถดำเนินการได้ภายใน 1-2 วันนี้


พร้อมแนะนำให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดเผยไว้ เพื่อปิดความเสี่ยงการลงทุน เตรียมหารือกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อหาแนวทางในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้ได้รวดเร็วขึ้น


รวบข้อมูลจี้ EA แจงข้อเท็จจริง รายงานวิธีขายหุ้น ก.ล.ต.-ตลท. ไม่สอดคล้อง


รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและบริหารกิจกรรมเพื่อสังคมหัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายและวินัยและหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร และในฐานะโฆษก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าการเปิดเผยข้อมูลของรายการขายหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA ที่แจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กับที่เปิดเผยผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่สอดคล้องกัน


โดยวันที่ 5 กรกฎาคม “สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (แบบ 59) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ว่า โซตัส แอนด์ เฟท 1 จำกัด ได้ขายหุ้นจำนวน 14,690,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 12.60 บาท โดยทำรายการผ่านตลาดหลักทรัพย์ (Auto Matching) (UBS AG Singapore Branch ขายผ่าน UBS Securities (Thailand) Limited) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567


ต่อมาวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านระบบสารสนเทศว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 โซตัส แอนด์ เฟท 1 จำกัด ได้ทำการขายหุ้นจำนวน 14,690,000 หุ้น ที่ราคา 12.60 บาท ในช่วง ณ ราคาปิดตลาด (ATC) ให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 2 ราย โดยให้เหตุผลว่าเป็นการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในกลุ่มเดียวกัน และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดานและกระทบต่อนักลงทุนรายย่อย การทำการซื้อขายจะทำผ่านกระดาน Biglot หรือราคา ATC เท่านั้น


จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นว่าการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ลงทุนอาจมีความไม่สอดคล้องกันและอาจทำให้เกิดความสับสน โดยฝ่ายกำกับบริษัทจดทะเบียน อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อออกหนังสือให้บริษัทชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 1-2 วัน พร้อมกับติดตามการรายงาน เรื่อง “การรวมผู้ถือหุ้นภายในกลุ่มเดียวกัน” ที่บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไว้ก่อนหน้านี้ด้วย อย่างไรก็ดี จะต้องติดตามการชี้แจงข้อมูลของบริษัทว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร


“หน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือเมื่อเห็นความไม่สอดคล้องกันของข้อมูลที่เปิดเผย เราต้องติดตามให้บริษัทชี้แจงว่าข้อมูลที่ถูกต้องคืออะไร นักลงทุนจะได้ไม่สับสน” รองรักษ์ กล่าว


แนะผู้ลงทุน เช็กข้อมูลยอด “ตึ๊งหุ้น” ปิดเสี่ยงหุ้นโดนฟอร์ซเซล


รองรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นหุ้นที่มีการบังคับขาย (ฟอร์ซเซล) และทำให้ราคาปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องนั้น แนะนำให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดเผยไว้ เพื่อปิดความเสี่ยงการลงทุน เพราะหุ้นใดที่มีสัดส่วนการนำไปวางเป็นหลักประกันสูง หากหุ้นนั้นราคาปรับตัวลดลงจนถึงระดับหนึ่ง ก็มีโอกาสที่จะถูกบังคับขายได้ แต่อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่าหุ้นที่มีการไปวางเป็นหลักประกันจำนวนมากจะถูกบังคับขายเสมอไป เพราะหากราคาไม่ได้ปรับลดลง หรือผู้ถือหุ้นสามารถวางหลักประกันเพิ่มเติมได้เมื่อถูก Call margin ก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยง


ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมหารือกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อหาแนวทางในการเปิดเผยข้อมูลหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นให้ได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งต้องมีการประสานกับทางบริษัทหลักทรัพย์ ที่เป็นผู้รายงานข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงาน ก.ล.ต. ด้วย เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น และลดความล่าช้าในการเปิดเผยข้อมูล


เชื่อหุ้นครึ่งปีหลังฟื้น ฟันโฟลว์ไหลเข้า กองทุน TESG-วายุภักษ์ หนุน


สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง มองว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากนักลงทุนต่างชาติกำลังรอความชัดเจน ด้านเศรษฐกิจ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย และประเด็นด้านการเมืองของไทย เชื่อว่าหากเรื่องดังกล่าวมีความชัดเจน ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เม็ดเงินลงทุนของผู้ลงทุนต่างชาติมีโอกาสกลับมา


อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ จากทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะออกมาทำให้มีเม็ดเงินไหลลงภาคเศรษฐกิจมากขึ้น ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนผ่านกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) และการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ จะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามามากขึ้น

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์