TIDLOR ร่วงเฉียด 5% หวั่นตั้งสำรองเพิ่ม กำไรทรุด โบรกฯ ชี้ผลสงครามรถไฟฟ้า

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

TIDLOR ร่วงเฉียด 5% หวั่นตั้งสำรองเพิ่ม กำไรทรุด โบรกฯ ชี้ผลสงครามรถไฟฟ้า

Date Time: 11 ก.ค. 2567 13:10 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • หุ้น TIDLOR ปิดตลาดเช้าอยู่ที่ 17.20 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ -4.97% นักวิเคราะห์ฯ ชี้จัดการปัญหาคุณภาพสินทรัพย์นานกว่าคาด ทำให้อาจมีค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้น พร้อมหั่นเป้ากำไรปี 2568-2569 ลง

Latest


ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TIDLOR วันนี้ ปิดตลาดเช้าอยู่ที่ 17.20 บาท ปรับตัวลดลง 0.90 บาท หรือ -4.97%


ด้านนักวิเคราะห์ฯ ชี้จัดการปัญหาคุณภาพสินทรัพย์นานกว่าคาด ทำให้อาจมีค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) เพิ่มขึ้น พร้อมหั่นเป้ากำไรปี 2568-2569 ลง

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลดลง 6% อยู่ที่ 4,261 ล้านบาท และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2569 ลดลง 10% อยู่ที่ 4,537 ล้านบาท จากการจัดการปัญหาคุณภาพสินทรัพย์นานกว่าคาด โดยเราปรับค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ขึ้น หลังจากการปรับประมาณการแล้ว คาดว่ากำไรสุทธิปี 2567-2568 จะเติบโต 5% และ 7% จากปีก่อน ตามลำดับ


สำหรับมุมมองกำไรไตรมาส 2/67 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,060 ล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมองว่ารายได้ดอกเบี้ย (NII) เพิ่มขึ้น จากการเติบโตของสินเชื่อรวม ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) คาดเพิ่มขึ้นจากรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าขายประกัน


ขณะที่ประเมินว่า กำไรไตรมาส 2/67 จะลดลง 4% จากไตรมาสก่อนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายการตลาด ค่าใช้จ่าย IT และค่าใช้จ่ายบุคคล ส่วนค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) คาดเพิ่มขึ้น 7% จากการตัดจำหน่ายหนี้สูญ (write-off) เพิ่มขึ้น และ NPL Ratio อยู่ที่ 1.70% เพิ่มต่อจากไตรมาสแรกที่ 1.60% จากกลุ่มรถ 4 ล้อ และรถบรรทุก


ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 19 บาทต่อหุ้น จากเดิม 22 บาทต่อหุ้น เพราะการจัดการปัญหาคุณภาพสินทรัพย์นานกว่าคาด โดยเฉพาะ 4 ล้อ และกลุ่มรถบรรทุก


ด้านบทวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึงภาพรวมอุตสาหกรรมผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (non bank) ว่าข้อมูลดัชนีราคารถยนต์มือสองเดือน พ.ค. ยังลดลงจากปีก่อน ทั้งรถยนต์นั่งและรถบรรทุกมือสอง ติดลบ 18% และ 21% ตามลำดับ


อันเป็นผลจากวัฏจักรขาขึ้นของหนี้เสีย (NPL) กลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ ส่งผลต่อปริมาณขายรถยึดในตลาด ซึ่งภาพดังกล่าวต่อเนื่องถึงการคุมเข้มนโยบายสินเชื่อเช่าซื้อของสถาบันการเงิน


นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาจากรถ EV จากจีน อาจทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากมาตรการกีดกันการค้าของฝั่งยุโรป มีโอกาสส่งผลให้ปริมาณ EV จากจีนไหลเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น


กรณีที่ค่ายรถยนต์สันดาปอื่นๆ มีการทำตลาดด้วย ประเมินกดดันต่อการฟื้นตัวของราคารถยนต์มือสองในช่วงที่เหลือของปี แม้ฐานไตรมาส 4/66 จะต่ำมาก โดยรวมประเมินผลขาดทุนรถยึด (บันทึกใน OPEX หรือ ECL ขึ้นอยู่กับนโยบาย บัญชีของแต่ละบริษัท) ยังส่งผลต่องบงวดไตรมาส 2/67 


ภาพรวมฝ่ายวิจัยคงมุมมองสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงสินเชื่อ Floorplan ให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต้องระวังในปีนี้ เพราะการแข่งขันด้านราคาจาก EV จีน.

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์