5 บทเรียน นักลงทุน ความโลภ การพนัน การเก็งกำไร จาก “หุ้นเด็ด” 1 ในพฤติกรรมเสี่ยงที่ต้องระวัง!

ใช้เวลาร่วมปี จากจุดเริ่มต้น ...ดอกเบี้ยไม่จ่าย งบการเงินไม่มี จนนำมาสู่ ผู้ถือหุ้นกู้ “STARK” รวมตัวเรียกร้องให้ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ตรวจสอบและ หาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษทางกฎหมายให้ได้ จากความเสียหายนับหมื่นล้านบาทที่เกิดขึ้นด้วยความจงใจตกแต่งงบการเงินบริษัท ยักยอกและฉ้อโกง จนกลายเป็น 1 ในคดีสำคัญของประวัติศาสตร์ ตลาดทุนไทย 

ก่อนวานนี้ (23 มิ.ย. 67) DSI เข้าควบคุมตัว “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” อดีตประธาน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ได้สำเร็จ คาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากทางการยูเออี ส่งตัวกลับไทย ตามการประสานของเจ้าหน้าที่ไทย 

ย้อนไป หุ้น “STARK” นับเป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนอย่างมาก และฝากภาพลักษณ์เชิงลบต่อตลาดทุนไทยหลายแผล ขณะเดียวกันก็เป็น “บทเรียน” ราคาแพงของนักลงทุน เพราะไม่มีใครเคยคาดคิด 

จาก “หุ้นเด็ด” บริษัทผู้นำการผลิตสายไฟ และสายเคเบิลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ร้อนแรงที่สุด จนเคยติดอยู่ในกลุ่ม SET 100 มาแล้ว สู่ หลุมพราง “นักลงทุน” หลายหมื่นราย แต่งงบการเงิน เพื่อ “ปั่นหุ้น” 

อ่านข่าว : เปิดประวัติ “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” อดีตประธานฯ STARK จากดีลเมกเกอร์ สู่คดีฉ้อโกงกว่า 1.4 หมื่นล้าน

ส่วน ชนินทร์ เย็นสุดใจ จากดีลเมกเกอร์เมืองไทย สู่ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน สะท้อนประวัติสวยหรูไม่ได้การันตี ความน่าเชื่อถือ แล้วต่อจากนี้ “นักลงทุน” จะเชื่อใจใครได้อีก 

ขณะเดียวกันจากหลายๆ กรณีในตลาดหุ้นไทยก็เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเราอาจต้องไตร่ตรองถี่ถ้วนมากขึ้น เมื่อครั้งจะตัดสินใจเข้า “ลงทุน” ซื้อ หรือขายในหุ้นต่างๆ 

5 พฤติกรรมเสี่ยง "กับดัก" นักลงทุน

ในบทความนี้ Thairath Money ชวนเจาะ 5 พฤติกรรมการลงทุนที่มักผิดพลาด เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนโดยทั่วไป  

โดย สมาคมนักวางแผนการเงินไทย ข้อมูลในเชิงทฤษฎีที่เกี่ยวกับ การลงทุน และพฤติกรรมการเงิน (Behaviour Finance) ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเผชิญกับความลำเอียง หรืออารมณ์ของเรา ที่ส่งผลให้เราตัดสินใจโดยไม่มีเหตุผล 

พฤติกรรมการเงิน ที่ทำให้เราพยายามจับจังหวะตลาด ลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่มีการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม เป็นต้น สุดท้ายก็จะทำให้เราซื้อหุ้นติดดอย หรือซื้อแพงขายถูก เป็นต้น 

1. มองหาสิ่งยืนยันความเชื่อของตัวเอง โดยพยายามมองหาข้อมูลวงใน ข่าวลือ บทวิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนหุ้นที่อยากซื้อ และ ทำให้เชื่อว่า หุ้นตัวนี้ดี และซื้อเพิ่ม ในทางแก้ไขนั้นต้องขอคำแนะนำ หรือศึกษาการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญการลงทุน หรือที่ปรึกษาทางการเงินที่ไว้ใจ 
2. เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต เช่น เมื่อตลาดปรับขึ้นก็เชื่อว่าจะขึ้นต่อ และซื้อหุ้นต่อไป ในขณะเดียวกัน เมื่อตลาดปรับลง ก็จะขายหุ้น เพราะเชื่อว่าตลาดจะลงอีก ในทางแก้ไขของกรณีนี้ควรทำ Rebalance เช่น ถ้าหุ้นขึ้นให้ขายหุ้นออกบางส่วน เพื่อทำกำไร และลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน 
3. มั่นใจมากเกินไป ประเมินความสามารถ ความรู้ และการคาดการณ์อนาคตของตัวเองสูงเกินไป วิธีแก้ไข : ซื่อสัตย์กับตัวเอง และยอมรับความจริงว่า ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ 
4. การมองโลกในแง่ลบ และกลัวการสูญเสีย จดจำประสบการณ์เชิงลบมากกว่าประสบการณ์เชิงบวก เช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง หรือ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งในทางแก้ไข เราต้องเตรียมตัวศึกษาหาความรู้ เรียนรู้วัฏจักรตลาดหุ้นในอดีต และการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ลงทุนต่างๆ 
5. ความโลภ การพนัน และการเก็งกำไรจากหุ้นเด็ด สมาคมนักวางแผนการเงินไทย ชี้ว่า การลงทุนในหุ้นเด็ด ซื้อขายเก็งกำไร เพื่อหวังกำไรก้อนงามๆ ในระยะสั้น คือความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก โดยในทางแก้ไข นักลงทุนต้องอดทน และ ลงทุนโดยมุ่งหวังผลตอบแทนระยะยาว มีความสุขกับผลตอบแทนทบต้น และติดตามพอร์ตลงทุนอย่างสม่ำเสมอ 

ทั้งนี้ ถ้าเราได้เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถควบคุมตัวเรา และไม่ให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลในการลงทุน.

ที่มา : สมาคมนักวางแผนการเงินไทย, ตลท.

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney