รู้จักหุ้น CSC ผลิต “ฝาจีบ” รายได้ปีละ 3 พันล้าน ยักษ์เครื่องดื่มไทย ถือหุ้นเพียบ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

รู้จักหุ้น CSC ผลิต “ฝาจีบ” รายได้ปีละ 3 พันล้าน ยักษ์เครื่องดื่มไทย ถือหุ้นเพียบ

Date Time: 23 มิ.ย. 2567 07:00 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • บริษัท ฝาจีบ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CSC บริษัทชั้นนำในการผลิตฝาจีบ และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ทำรายได้ปีละมากกว่า 3 พันล้านบาท พบบริษัทเครื่องดื่มใหญ่ถือหุ้นจำนวนมาก

Latest


อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของตลาดโลก ขณะเดียวกันธุรกิจที่เติบโตไปด้วยพร้อมกัน คือ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์


ในครั้งนี้ “Thairath Money” พาไปทำความรู้จัก บริษัท ฝาจีบ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CSC หนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่เชี่ยวชาญในการผลิตฝาจีบ และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย ทำรายได้ปีละมากกว่า 3 พันล้านบาท ถือหนึ่งในทางเลือกสำหรับนักลงทุน ที่มองหาโอกาสในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง


CSC ก่อตั้งในปี 2511 และได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและผลิตฝาจีบสำหรับขวดเครื่องดื่มต่างๆ เช่น เบียร์ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มอื่นๆ จำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ


ทั้งนี้ บริษัทได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิตจากบริษัท นิปปอน โคลสเชอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท โตโย ไซกัน กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง รวมทั้งกำลังการผลิตที่มีเพียงพอ บริษัทฯ ได้จำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ


สำหรับผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง ในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 3,055.33 ล้านบาท กำไรสุทธิ 193.70 ล้านบาท ต่อมาในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 3,751.34 ล้านบาท กำไรสุทธิ 246.00 ล้านบาท และในปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 3,620.08 ล้านบาท กำไรสุทธิ 177.39 ล้านบาท


ล่าสุด ไตรมาส 1/67 บริษัทประกาศผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยกำไรสุทธิงวด 3 เดือนเท่ากับ 102 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.98 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.0 บาทต่อหุ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ผลแตกต่างของกำไรสุทธิมาจาก รายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนลดลง


สำหรับข้อมูลผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 รายแรก พบว่าส่วนใหญ่เป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มชื่อดังรายใหญ่ในประเทศไทย ได้แก่

  1. NIPPON CLOSURES CO., LTD. จำนวน 19,071,292 หุ้น คิดเป็น 36.68%
  2. Toyo Seikan Co. Ltd. จำนวน 5,280,000 หุ้น คิดเป็น 10.15%
  3. บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จำนวน 3,934,488 หุ้น คิดเป็น 7.57%
  4. บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 3,768,316 หุ้น คิดเป็น 7.25%
  5. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 1,679,370 หุ้น คิดเป็น 3.23%
  6. บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,057,742 หุ้น คิดเป็น 2.03%
  7. บริษัท กรีนสปอต จำกัด จำนวน 1,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.92%
  8. บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผู้ฝาก จำนวน 883,837 หุ้น คิดเป็น 1.70%
  9. บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 882,828 หุ้น คิดเป็น 1.70%
  10. บริษัท ซี.เอส.แคปปิตอล จำกัด จำนวน 735,000 หุ้น คิดเป็น 1.41%

แม้แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม จะมีศักยภาพในการขยายตัวอย่างน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่สนใจลงทุน ควรทำการศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์แนวโน้มตลาดอย่างรอบคอบ และหมั่นติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหว เพื่อประเมินความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์