สมโภชน์ EA จ่อเช็กบิล “มือทุบหุ้น” เชื่อมี Naked Short จริง ทริสฯ หั่นเรตติ้ง BBB+ กังวลหนี้ท่วม

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

สมโภชน์ EA จ่อเช็กบิล “มือทุบหุ้น” เชื่อมี Naked Short จริง ทริสฯ หั่นเรตติ้ง BBB+ กังวลหนี้ท่วม

Date Time: 12 มิ.ย. 2567 14:51 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • “สมโภชน์” ผู้บริหาร EA เตรียมหลักฐาน จ่อฟ้อง ก.ล.ต. ภายในเดือนนี้ เอาผิด “มือทุบหุ้น” หลังราคาร่วงกระทบความเชื่อมั่นธุรกิจจริง ยันพื้นฐานไม่เปลี่ยน พบปริมาณซื้อขาย-โรบอตเทรดผิดปกติ เชื่อ “มือทุบหุ้น” ใช้ช่องโหว่ทำ “Naked Short” ผ่าน NVDR ย้ำ NEX เพิ่มทุนเหมาะสมขนาดธุรกิจ เผยชื่อ “คณิสสร์” รับสิทธิ PP รอบแรก 2 พันล้าน ลุยแก้ปัญหาผู้บริหารตกเป็นเหยื่อ “Money game” ด้าน ทริสเรทติ้ง ปรับลดอันดับเครดิตองค์กร และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัท

Latest


นักลงทุนต่างจับตาสถานการณ์ราคาหุ้นของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA และ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น NEX หลังปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ด้านผู้บริหารฯ จับมือแถลงยืนยันธุรกิจมั่นคงอนาคตเติบโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ชี้มาจาก “เกมการเงิน” ส่งผลกระทบทำลายธุรกิจจริง

ล่าสุด อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานส่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และดีเอสไอ หาตัวผู้กระทำผิด หลังพบการซื้อขายผิดปกติทั้ง Short Sell, Naked Short และ Robot Trade 

ด้าน ทริสเรทติ้ง ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทเป็นระดับ “BBB+” จาก “A-”

จ่อเอาผิด “มือทุบหุ้น” เชื่อมี “Naked Short Sell”

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NEX  เปิดเผยว่า การแถลงข่าวครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ของ EA และ NEX อย่างถูกต้อง พร้อมแสดงให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาทั้งระบบอย่างชัดเจน

โดยการที่ราคาหุ้น EA และ NEX ปรับลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ขณะนี้บริษัทกำลังรวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม (DSI) ตามมาตรา 244/3 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งห้ามการทำธุรกรรมที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคา หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์

ทั้งนี้ พบว่ามีแรงขายหุ้น EA และ NEX จากการใช้โปรแกรม Robot Trade ที่ได้เปรียบเรื่องความเร็วในการซื้อขาย และสร้างผลกระทบเชิงลบ นอกจากนี้ยังมีการทำ Short Sell และการทำ Naked Short Sell ผ่านกระดาน NVDR ซึ่งเป็นการอำพรางธุรกรรม

ระบบคัสโตเดียนและระบบซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ ยังไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้มีช่องโหว่ที่สามารถหลบเลี่ยงได้ ซึ่งส่วนใหญ่การกระทำเหล่านี้มาจากต่างประเทศ และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน

“การที่เราตัดสินใจที่จะไปร้องต่อ ก.ล.ต. และดีเอสไอ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิด ทั้งยังเป็นการช่วยปกป้องบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และไม่ให้ Money Game มาทำลาย Real Business และที่สำคัญคือ อยากบอกว่าผมไม่ใช่ตัวการทำลายหุ้น EA และ NEX ถ้าใช่จะไปร้องหน่วยงานกำกับฯ ทำไม แต่เราต้องการปกป้องบริษัทและหาคนผิดมาลงโทษให้ได้จริงๆ” สมโภชน์ กล่าว

ราคาหุ้นร่วงกระทบธุรกิจจริง ลุยเพิ่มทุน สร้าง “ความเชื่อมั่น”

สมโภชน์ กล่าวว่า ความเชื่อมั่นจากลูกค้าและซัพพลายเออร์ กำลังถูกกระทบจากเกมการเงิน (Money Game) ที่เริ่มทำลายความเชื่อมั่นในตลาดทุน และกำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจจริง และราคาหุ้นที่ลดลงนั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา” ซึ่งเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลง รวมถึงข่าวลือเชิงลบต่างๆ ที่ทำให้คู่ค้าและซัพพลายเออร์วิตกกังวล จึงเป็นเหตุผลที่ต้องเพิ่มทุนให้กับ NEX

การเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นในอนาคต และเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้าและซัพพลายเออร์ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งจะจัดสรรให้กับ คณิสสร์ ศรีวชิระประภา และพันธมิตรทางธุรกิจรายอื่นๆ มูลค่าราว 2 พันล้านบาท เพื่อให้คงสถานะเป็น Major Shareholder และเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ให้มีความมุ่งมั่นในการผลักดันธุรกิจให้เติบโต

ส่วนที่สองแบ่งออกเป็น 2 ชุด ซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมภายในปี 2567 ซึ่งการแบ่งออกเป็นสองชุด เกิดจากการไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการทำธุรกิจทันที และทีมผู้บริหารจะทำงานเพื่อพิสูจน์ว่า บริษัทมีอนาคตและสามารถดำเนินธุรกิจได้ เมื่อได้เงินก้อนแรกมาแล้ว จึงจะเรียกเพิ่มทุนในชุดที่สอง เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลเท่าเทียมกัน และมีสิทธิตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใด

ทริสฯ “หั่นเรตติ้ง” ยอดขายต่ำ-หนี้สูง

ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทเป็นระดับ “BBB+” จาก “A-” ในขณะที่ยังคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” เช่นเดิม พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้ง ยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5.5 พันล้านบาท ของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ไปใช้ในการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดชำระในเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงการคาดการณ์ของ ทริสเรทติ้ง ว่า อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะยังคงอยู่สูงกว่าเกณฑ์ในการปรับลดอันดับเครดิตของ ทริสเรทติ้ง ที่ระดับ 5 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยสถานะทางการเงินที่ถดถอยลงของบริษัทนั้น มีสาเหตุหลักมาจากยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าที่ต่ำกว่าคาด และภาระหนี้สินของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จากการขยายระยะเวลาในการรับชำระเงินจากการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (NEX)

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด (TSB) ในการชำระคืนเงินกู้เช่าซื้อที่ค้างชำระแก่บริษัทจากการที่ TSB มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแออีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทยังคงมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ในระดับสูง และมีจำนวนมากจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัท 

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงความเสี่ยงที่สถานะทางการเงินของบริษัทอาจอ่อนแอลงไปอีก เนื่องจากความไม่แน่นอนของแผนการเพิ่มยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า โดยการตั้งเป้าหมายไปที่ลูกค้ากลุ่มใหม่และการมุ่งเน้นการจำหน่ายในพื้นที่ ซึ่งมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคที่ดีกว่า

ในไตรมาสแรกของปี 2567 EBITDA ของบริษัทลดลง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยลดลงเหลือ 2.27 พันล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้สินของบริษัทยังคงอยู่ที่ระดับ 6.42 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ การลดลงของกำไรมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าที่อ่อนแอลง รวมถึงการสิ้นสุดลงของส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทที่จังหวัดนครสวรรค์ และการปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) นอกจากนี้ ภาระหนี้สินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งมีสาเหตุบางส่วนมาจากการขยายระยะเวลาในการเรียกเก็บชำระหนี้การค้าจาก NEX โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 มูลค่าลูกหนี้การค้าค้างชำระจาก NEX มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นลูกหนี้การค้าค้างชำระเกินกว่า 6 เดือน มีมูลค่าถึง 2.5 พันล้านบาท

อันดับเครดิตยังคงมีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีความเสี่ยงด้านเครดิตของ TSB อย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทมีการให้สินเชื่อเช่าซื้อแก่ TSB ที่มูลค่าถึงประมาณ 9.4 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ TSB ยังคงอ่อนแอและต้องพึ่งพาการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทแม่ คือ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (BYD) เป็นอย่างมากในการชำระหนี้ ในการนี้ ทริสเรทติ้ง มีข้อสังเกตถึงความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีการส่งมอบรถ


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์