ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันที่ 10 มิ.ย. มีแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่ กดดัชนีดิ่งลงรุนแรงโดยลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,313.26 จุด ลดลงกว่า 18 จุด ทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 3 ปี 7 เดือน จากที่เคยยืนระดับต่ำสุดที่ 1,313.04 จุด เมื่อ 10 พ.ย.2563 ก่อนที่ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวมาปิดทำการที่ 1,318.57 จุด ลดลง 14.17 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 38,295.73 ล้านบาท
สาเหตุที่หุ้นไทยลงแรงมาจากความกังวลของนักลงทุนต่อปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเมืองในประเทศที่กลับมาเขย่าขวัญสั่นประสาทนักลงทุนอีกครั้ง โดยประเด็นที่ต้องจับตาติดตามในสัปดาห์นี้ ทั้งกรณีการพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ของศาลรัฐธรรมนูญ และวันที่ 12 มิ.ย.ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมเพื่อพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล และวันที่ 18 มิ.ย.นายทักษิณ ชินวัตร ต้องเดินทางไปพบอัยการสูงสุด ในคดี ม.112 ท่ามกลางที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ที่ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาในระบบตลาดเงินตลาดทุน ที่หวั่นถูกแทรกแซงจากการเมือง
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีมีโอกาสไหลลงไปถึงแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,305 จุด หลังหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,330 จุด ซึ่งต้องรอดูการเมืองว่าจะออกมาอย่างไร
นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นที่ดัชนีตกลงอย่างมาก ว่า จะมีการตั้งกองทุนระยะยาวเพื่อสนับสนุนการลงทุนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งการฟื้นกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ขึ้นมาใหม่.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่