ต่างชาติ ขายไม่ยั้ง 12 วัน เกือบ 2.3 หมื่นล้าน กังวลการเมืองไม่นิ่ง เปิด 5 หุ้นโดนเท BTS หนักสุด

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ต่างชาติ ขายไม่ยั้ง 12 วัน เกือบ 2.3 หมื่นล้าน กังวลการเมืองไม่นิ่ง เปิด 5 หุ้นโดนเท BTS หนักสุด

Date Time: 10 มิ.ย. 2567 11:11 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยติดต่อกัน 12 วัน รวมมูลค่า 2.28 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ มองปัจจัยการเมืองในประเทศกดดัน

Latest


ข้อมูลการซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยติดต่อกัน 12 วัน นับตั้งแต่เปิดทำการวันที่ 21 พ.ค. 2567 รวมมูลค่ากว่า 2.28 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดแรงขายมาจากประเด็นการเมืองในประเทศ กดดันกระแสเงินลงทุนต่างชาติ (fund flow) ออกจากตลาด


ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อในไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่า และกระทบต่อการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ


เปิด 5 หุ้นต่างชาติ “ขายมากสุด” เดือนมิถุนายน


จากการรวบรวมข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ พบว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนถึงปัจจุบัน หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BTS มูลค่าขายสุทธิ 2,326.7 ล้านบาท
  2. บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น LH มูลค่าขายสุทธิ 846.5 ล้านบาท
  3. บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น HMPRO มูลค่าขายสุทธิ 789.2 ล้านบาท
  4. บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BDMS มูลค่าขายสุทธิ 685.9 ล้านบาท
  5. บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MTC มูลค่าขายสุทธิ 578.9 ล้านบาท 

การเมืองไม่นิ่ง-เงินเฟ้อพุ่ง กดดัน Fund Flow

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเด็นทางการเมืองในปัจจุบัน หากนำมาพิจารณารวมกับทิศทางตลาดหุ้น พบว่า ในช่วงการเมืองร้อนแรงกดดันให้กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยทุกวัน ตลอด 12 วันทำการที่ผ่านมา ด้วยมูลค่ารวมกว่า 2.28 หมื่นล้านบาท


อย่างไรก็ตามในวันศุกร์เริ่มเห็นแรงขายที่ลดน้อยลงเหลือ 496 ล้านบาท และดัชนีตลาดหุ้นไทยยังบวกเล็กน้อย 4.33 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่แรงสุดในตลอด 12 วันทำการ


ทั้งนี้ กระแสการเมืองยังเป็นประเด็นหลักที่ต้องติดตาม ลุ้นค่อยๆ ผ่านไปทีละด่าน อาจจะช่วยหนุนให้กระแสเงินลงทุนต่างชาติค่อยๆ ชะลอการไหลออกในระยะถัดไป ตราบที่ไม่มีความรุนแรงใดๆ เพิ่มเติม และถ้ามีเม็ดเงิน LTF หรือมาตรการคุมเข้มการชอร์ตเซลล์จากตลาดฯ มาช่วยหนุน น่าจะเร่งให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นได้


นอกจากนี้ประเมินว่าทิศทางเงินเฟ้อไทยที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงมีแน้วโน้มปรับตัวลดต่อเนื่อง อาจเป็นสาเหตุกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา และกระทบต่อการไหลเข้าของกระแสเงินลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้อาจทำให้โอกาสที่จะเห็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ยากขึ้นด้วย


ภายใต้ภาวะดังกล่าว แนะนำค่อยๆ สะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AP, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SPALI, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SCC, บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SCCC, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CK, บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TTCL, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BBL, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TU, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MTC, บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SNNP และบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SJWD เป็นต้น.

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ