ยังถูกเทขายอย่างหนักสำหรับ ดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยจากรายงานของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ดัชนี SET Index ปรับตัวลดลงจากต้นปีถึงสิ้นเดือน พ.ค. แล้ว 5% และในรูปของผลตอบแทนเงินดอลลาร์ ลดลงกว่า 11.7% และโดยนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไปกว่า 81,641 ล้านบาท โดยในมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ มองว่า แรงกดดันให้ดัชนีปรับลดลงมา 2 ปัจจัยหลัก ทั้งความกังวลในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และทิศทางของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา คือ ความกังวลใน 2 เรื่องหลัก คือ 1.ความกังวลในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และ 2.ทิศทางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
“ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง จะเป็นเรื่องดอกเบี้สหรัฐฯ และกำไรบริษัทจดทะเบียน แต่หากดูในรายละเอียดจะพบว่าสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้นแล้ว”
อย่างไรก็ตามทิศทางของตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยพบว่าดัชนีที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค กลุ่มอาหาร และกลุ่มบริการ เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากปลายปีก่อน ซึ่งสะท้อนจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวขึ้นจากการท่องเที่ยว มีการเติบโตที่ดี ส่วนทิศทางการเคลื่อนย้ายของเงินทุนต่างชาติ พบว่าเริ่มมีแรงขายที่เบาลงจากช่วงก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนที่กลับมาอีกครั้ง
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในด้านการสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาตินั้นเป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ร่วมกับคณะของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติในฮ่องกง
“ตลท.ได้ร่วมกับคณะของนากรัฐมนตรีในการให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติที่ฮ่องกง ซึ่งนักลงทุนต่างชาติยังให้ความเชื่อมั่นกับประเทศไทย และว่าชี้ไทยมีความแข็งแกร่งในระดับโลก”
ทั้งนี้ประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาตินั้น จะเป็นเรื่องความเข้มแข็งของบริษะทจดทะเบียนไทย และอธิบายถึงมาตรการกำหลักทรัพย์ตัวใหม่ที่ควบคุมไม่ให้ราคาหุ้นผันผวนมากเกินไป และป้องกันความผิดปกติในตลาดหุ้น สร้างความเสมอภาคให้กับนักลงทุนทุกกลุ่ม
ในขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติมองว่า ประเทศไทยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ อาหาร ท่องเที่ยว อันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย และให้ความสนใจในเริ่มดังกล่าวอย่างมาก แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาอยากให้ ตลาดหลักทรัพย์ อธิบายข้อมูลต่างๆ ให้กับนักลทุนต่างชาติมากขึ้น ทั้งข้อมูลบริษัทจดทะเทียนที่เป็นภาษาอังกฤษ และอธิบายข้อมูลมาตรการควบคุมการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อรูปแบบการส่งคำสั่งซื้อขายของพวกเขาด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ จะเดินหน้าให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยสนใจที่จะลุยให้ข้อมูลในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง หรือในประเทศที่สำคัญอย่างในอังกฤษ หรือในนิวยอร์ก เพื่อสร้างความรับรู้กับนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น.