หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BTS ปิด 4.60 บาท ลบ 0.20 บาท, PTTEP ปิด 153.50 บาท ลบ 0.50 บาท, TRUE ปิด 8.80 บาท บวก 0.20 บาท, CPALL ปิด 57.25 บาท ลบ 0.25 บาท, ADVANC ปิด 207 บาท บวก 4 บาท
บล.ทรีนีตี้ ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย เดือน มิ.ย.67 คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวผันผวนไปกับพัฒนาการของปัจจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งมี 3 เหตุการณ์สำคัญได้แก่ 1.การพิจารณายุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ (อยู่ระหว่างรอคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา) 2.การพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” โดยศาลรัฐธรรมนูญ (อยู่ระหว่างรอคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา) และ 3.การที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” ผิด ม.112 และมีการนัดส่งฟ้องศาลในวันที่ 18 มิ.ย.นี้
แต่หากตัดปัจจัยการเมืองออก จะพบว่าปัจจัยพื้นฐานล่าสุดของตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนที่สำคัญ โดยประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดยังคงทรงตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน เมื่อมาประกอบกับมาตรการ Uptick rule ที่คาดว่าจะถูกบังคับใช้ได้ในเดือนนี้ ทำให้ประเมิน Downside ของ SET Index ณ ปัจจุบันเริ่มอยู่ในกรอบจำกัด
เชิงกลยุทธ์ แนะนักลงทุนที่ได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นในกรอบ 1,340-1,350 จุด ในช่วงปลายเดือนก่อน ตามทรีนีตี้แนะนำสามารถถือครองหุ้นในส่วนดังกล่าวไว้ได้ หากเกิดความยุ่งเหยิงทางการเมืองในเดือนนี้จนเกิดภาวะ Political discount ประเมินแนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดในเดือนนี้ ได้แก่ บริเวณ 1,300 จุด ให้ใช้เป็นแนวรับถัดไป
กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจเดือนนี้ พอร์ตที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักลงทุนที่แนวรับดัชนี ได้แก่ 1.หุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50/SET100 และ Valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ เลือก BJC 2.กลุ่ม Defensive เช่น โรงพยาบาล เพื่อป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยการเมืองในประเทศ BDMS, BCH, CHG 3.กลุ่มส่งออกที่ยังปรับตัว Laggard ได้แก่ COCOCO, MALEE, PLUS, TU
ขณะที่ผลประชุมกลุ่ม OPEC+ ที่มีมติขยายเวลาลดกำลังผลิตลง 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปถึงสิ้นปี 68 และขยายเวลาลดการผลิตโดยสมัครใจอีก 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปถึงสิ้นไตรมาส 3 ปีนี้ ถือว่า Bearish กว่าที่ตลาดคาดหวัง ทำให้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงรวดเร็ว มองเป็น Senti ment เชิงลบต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทยในช่วงต้นเดือนนี้.
อินเด็กซ์ 51