การระดมทุนในตลาดหุ้นกู้ ของบริษัทขนาดใหญ่ ยังได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างหนาแน่น ด้วยชื่อเสียงบริษัทและความน่าเชื่อถือ ทำให้ไม่ว่าจะออกขายปริมาณเท่าไรนักลงทุนก็จองซื้ออย่างคับคั่ง โดยล่าสุด
ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านการสื่อสารในไทย ได้ประกาศผลการขายหุ้นกู้ทะลุเป้ามูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ในขณะที่ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ อยู่ระหว่างการเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ แต่กลับมีผู้แสดงความจำนงจองซื้อหุ้นกู้ พุ่งถึง 6 เท่าตัว
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่น ลงทุนในหุ้นกู้อย่างคับคั่ง ส่งผลให้ กระแสตอบรับอย่างล้นหลามส่งผลให้ยอดจองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวน 12,000 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว โดย บริษัทจึงได้เปิดขายหุ้นกู้สำรองเพิ่มเติมอีก 3,000 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนและร่วมเดินหน้าสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน ส่งผลให้สามารถปิดการขายหุ้นกู้ครั้งนี้ได้รวมถึง 15,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนทุกๆ ท่านที่ให้ความสนใจ ตลอดจนขอขอบคุณสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 6 แห่งที่ให้ความสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา การลงทุนในหุ้นกู้ทรูนับเป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน โดยทรูมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและยึดหลักบรรษัทภิบาลที่ดี จึงได้รับความไว้วางใจและกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน”
ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่เสนอขายมี 5 ชุด มีอายุตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน จนถึง 10 ปี พร้อมอัตราดอกเบี้ยคงที่ตั้งแต่ร้อยละ 2.95 ถึง 4.30 ต่อปี บริษัทและหุ้นกู้ยังได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ A+ แนวโน้มอันดับเครดิต "คงที่" จากทริสเรทติ้ง สะท้อนความน่าเชื่อถือของบริษัทในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมที่มีฐานะทางการเงินมั่นคง มีความแข็งแกร่งทางธุรกิจและมีศักยภาพในการเติบโต
เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้นอกจากจะนำไปใช้ชำระคืนหนี้เดิมแล้ว ยังเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและเพิ่มมูลค่ากิจการ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและผู้ถือหุ้นกู้อย่างยั่งยืน ทรูมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักบรรษัทภิบาลที่ดี คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “BJC” ผู้ดำเนินธุรกิจพาณิชยกรรมนำเข้า-ส่งออก การผลิตและการให้บริการชั้นนำของไทย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่อายุหุ้นกู้ 2 ปี 11 เดือน 29 วัน ถึงอายุ 10 ปี ด้วยอัตราผลตอบแทน 3.08% ถึง 4.06% ต่อปี จำนวนรวมไม่เกิน 14,000 ล้านบาท อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เปิดจองซื้อ 31 พฤษภาคม และ 4-5 มิถุนายนนี้
บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 5 รุ่น ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 2 ปี 11 เดือน 29 วัน ที่อัตราส่วนลด 3.08% ต่อปี, หุ้นกู้อายุ 3 ปี 9 เดือน ที่อัตราดอกเบี้ย 3.23% ต่อปี, หุ้นกู้อายุ 5 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 3.62% ต่อปี, หุ้นกู้อายุ 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 3.79% ต่อปี และ หุ้นกู้อายุ 10 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 4.06% ต่อปี ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 6 แห่ง หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดยจะทำการเปิดจองซื้อในวันที่ 31 พฤษภาคม และ 4-5 มิถุนายน 2567
ล่าสุดมียอดแสดงความจำนง (Bookbuilding) ในการลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจากกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันและสหกรณ์ออมทรัพย์อย่างล้นหลาม เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทวางไว้กว่า 5 เท่า จากมูลค่าเสนอขายที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ไม่เกิน 9,000 ล้านบาท บริษัทจึงได้พิจารณาเพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ โดยนำหุ้นกู้ที่สำรองไว้มาเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe Option) อีกไม่เกิน 5,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 14,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของผู้สนใจลงทุนในหุ้นกู้ครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีให้กับบริษัท ตลอดจนผลการดำเนินงานและสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท
“ในนามของ BJC ต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจในหุ้นกู้ของบริษัทและให้การตอบรับในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทในประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 140 ปี ทาง BJC ยังคงเดินหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจให้มั่นคงและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนคู่สังคมไทย รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทุกท่านให้สมกับความไว้วางใจที่เราได้รับ” นางฐาปณี กล่าว