ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SAPPE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ +5.08% มาอยู่ที่ 103.50 บาท ณ เวลา 14.20 น. หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำสถิติสูงสุดใหม่
โดย SAPPE รายงานกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 1/67 ที่ 352.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิที่สูงที่สุดรายไตรมาสตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย เติบโต 28.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 274.8 ล้านบาท
ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 ที่สามารถทำ Triple High ต่อเนื่อง 3 เดือนติด ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,836.0 ล้านบาท เติบโต 20.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 1,520.3 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 352.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.2% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 274.8 ล้านบาท ยังคงสร้างสถิติผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในประเทศและทุกภูมิภาคทั่วโลก
ซึ่งปัจจุบันเซ็ปเป้ส่งออกสินค้าไป 100 ประเทศ โดยกลุ่มประเทศที่มีการขยายตัวโดดเด่นคือตะวันออกกลาง ที่มีการเติบโตสูงถึง 107.4% และทวีปอเมริกา เติบโต 43.9% เป็นต้น ส่วนทวีปเอเชียและยุโรปก็ยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ดี สะท้อนความสำเร็จในแบรนด์สินค้าของเซ็ปเป้ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก
โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ เซ็ปเป้มีสัดส่วนการขายของตลาดต่างประเทศมากถึง 83% โดยสินค้าที่เป็นเรือธงและได้รับความนิยมที่สุดคือ น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ โมกุ โมกุ (Mogu Mogu) อันดับสองคือ เครื่องดื่มผสมว่านหางจระเข้แบรนด์ เซ็ปเป้ อโลเวร่า ดริ้งค์ ซึ่งในไตรมาสแรกนี้สามารถทำรายได้จากการขายจากต่างประเทศ 1,524 ล้านบาท เติบโต 24.3% เป็นผลมาจากความสามารถในการขยายช่องทางการขายได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางการขายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ (National Chain)
ขณะที่ตลาดในประเทศก็เติบโตได้ดีเช่นกัน สามารถสร้างรายได้จากการขาย 312 ล้านบาท เติบโต 6.1% โดยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นแบรนด์หลักของการทำตลาดในไทย ยังคงเป็นแบรนด์ เซ็ปเป้ บิวติ (Sappe Beauti) ที่ล่าสุดได้ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี ผ่านแคมเปญ “สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร” ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
รวมถึงผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ก็สร้างผลงานได้ดีในช่องทาง Traditional Trade ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้โดยตรง ซึ่งตอนนี้เตรียมขยายเข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ เพิ่มเติม ส่วนน้ำผสมวิตามินแบรนด์บลู (B’lue) กาแฟเพรียว คอฟฟี่ ก็ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในไตรมาสนี้ เซ็ปเป้ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ใหม่คือ เฟรนช์โรสต์ (Frenché Roast) กาแฟ 3 in 1 คั่วบด สไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท พาวเวอร์ รูท เบอร์ฮัด บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำของประเทศมาเลเซีย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกาแฟ ชา ช็อกโกแลตมอลต์ และเครื่องดื่มพลังงานสมุนไพร มาช่วยขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มกาแฟของเซ็ปเป้ให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี หลังวางจำหน่ายในช่องทาง Traditional Trade และ Modern Trade เช่นกัน
ปิยจิต เปิดเผยอีกว่า ในปี 2567 เซ็ปเป้มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ และยังคงตั้งเป้าการเติบโตที่ 20-25% โดยตลาดในประเทศจะเน้นการสร้างแบรนด์หลักให้แข็งแกร่ง เช่น เซ็ปเป้ บิวติ กาแฟเพรียว คอฟฟี่ น้ำผสมวิตามินแบรนด์บลู รวมถึงเตรียมออกสินค้าใหม่เพิ่มเติมไม่ต่ำกว่า 20 SKUs
และสำหรับตลาดต่างประเทศ นอกจากการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ (Greenfield) ด้วยการกระจายสินค้าให้มีความหลากหลาย เพิ่มการขายและการตลาดผ่านช่องทาง Online ให้มากขึ้นแล้ว เซ็ปเป้จะต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ โมกุ โมกุ ให้ผู้บริโภคมี Engagement กับแบรนด์ เพื่อยกระดับสู่ Global Brand มากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งจะมี Big Campaign ให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้สนุกและตื่นเต้นเร็วๆ นี้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้