ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA วันนี้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยราคาหุ้น ณ เวลา 10.45 น. อยู่ที่ 27.75 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ -5.93% จากราคาปิดวันก่อนหน้า โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 27.25 บาท หรือ -7.62% หลังคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิหดตัวกว่า 61.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดย บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EA รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กําไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1/67 อยู่ที่ 888.70 ล้านบาท ลดลง 1,431.06 ล้านบาท หรือลดลง 61.7% จาก 1/66 ที่ 2,319.76 ล้านบาท โดยหลักลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากการหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) จํานวน 327 ล้านบาท ลดลงจากผลกระทบจากการปรับลดค่า FT ของทางภาครัฐ
และการลดลงจากปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานพื้นที่จังหวัดชัยภูมิจํานวน 671 ล้านบาท รวมถึงการลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากส่งมอบรถน้อยลง จํานวน 313 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการจําหน่ายรถบรรทุกหัวลากไฟฟ้าเป็นหลักในปี 2567 โดยมีการส่งมอบให้กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ อาทิเช่น กลุ่มบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จํากัด (มหาชน) กลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จํากัด (มหาชน) กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
ด้าน ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า EA รายงานกําไรสุทธิ 1/67 ปรับตัวลดลง 23.6% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 888.7 ล้านบาท กดดันหลักจากกําไรปกติที่ลดลง 35.7% มาอยู่เพียง 857.9 ล้านบาท จากระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 90 เมกะวัตต์ หมดอายุเต็มไตรมาส และกระแสลมที่อ่อนตัวจากไตรมาสก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้ยอดส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า EV จะเพิ่ม ขึ้นมาอยู่ที่ 350 คัน (เดิม 185 คัน)
ทั้งนี้ งวดไตรมาส 2/67 คาดกําไรปกติฟื้นตัวได้จากไตรมาส 1/67 แต่ยังไม่โดดเด่น หนุนจากยอดส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าที่คาดเพิ่มขึ้น และเข้าสู่ช่วงพีกของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม ปรับลดประมาณการกําไรปี 2567 เป็นต้นไป สะท้อนสมมติฐานราคาขายยานยนต์ไฟฟ้า EV และค่าใช้จ่าย SG&A ใหม่ ให้สอดคล้องภาพรวมธุรกิจมากขึ้น
ส่งผลให้ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 40 บาท จากเดิม 50 บาท ช่วงสั้นราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากผลของ adder ที่เริ่มหมด แม้ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า EV จะเพิ่มขึ้น แต่ยังชดเชยได้ไม่หมด สะท้อนได้จากกําไรไตรมาสแรกที่ลดลง และภาพกําไรระยะยาวที่อ่อนตัว โดยให้คำแนะนำ เน้นเพียงหาจังหวะ ซื้อเก็งกำไร (Trading) ช่วงสั้นตามรอบกระแส ยานยนต์ไฟฟ้า EV ที่เกิดขึ้นเป็นระลอกๆ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้