บาทอ่อนเป็นเหตุ! GULF กำไรวูบ 9% เหลือ 3.49 พันล้าน หลังขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

บาทอ่อนเป็นเหตุ! GULF กำไรวูบ 9% เหลือ 3.49 พันล้าน หลังขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

Date Time: 9 พ.ค. 2567 18:00 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • GULF ประกาศไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิลดลง 9.1% เหลือ 3,499 ล้านบาท ชี้บันทึกผลขาดทุนสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ของบริษัทร่วมและการร่วมค้า รวมเป็นผลขาดทุนสุทธิ 653 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/66 ที่มีกําไร

Latest


บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GULF รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ เท่ากับ 3,499 ล้านบาท ลดลง 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 26.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66


สำหรับกําไรจากการดําเนินงาน (core profit) ในไตรมาส 1/67 เท่ากับ 4,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากปีก่อน เหตุผลหลักมาจากการเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 1-2 รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ core profit ปรับตัวลดลง 1.6% จากการลดลงของส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้า อย่างไรก็ตาม ผลการดําเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC และ GPD ที่ปรับตัวดีขึ้น ทําให้ core profit โดยรวมปรับลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/67 บริษัทฯ บันทึกผลขาดทุนสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบบริษัทใหญ่ และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ของบริษัทร่วมและการร่วมค้า รวมเป็นผลขาดทุนสุทธิ 653 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/66 และไตรมาส 4/66 ที่มีกําไรจากรายการดังกล่าว 183 ล้านบาท และ 545 ล้านบาท ตามลําดับ จึงส่งผลให้กําไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 1/67 เท่ากับ 3,499 ล้านบาท ลดลง 9.1% จากปีก่อน และลดลง 26.5% จากไตรมาสก่อน


สำหรับรายได้รวมจากการดําเนินธุรกิจในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 32,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14.1% จากไตรมาสก่อน ประกอบไปด้วย


1) รายได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ อยู่ที่ 28,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักจากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโครงการ GPD หน่วยที่ 1-2 ซึ่งเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ในระหว่างปี 2566 นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ยังเพิ่มขึ้น 15.9% จากไตรมาสก่อน จากโรงไฟฟ้า GSRC และ GPD ที่มีปริมาณการจําหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งค่า Ft ปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.2048 บาท/ หน่วยในไตรมาส 4/66 เป็น 0.3972 บาท/หน่วยในไตรมาส 1/67 จึงทําให้ราคาขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเฉลี่ยต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้นด้วย


2) รายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากโครงการ MKW ที่เปิดดําเนินการครบทุกหน่วยการผลิตในช่วงไตรมาส 3/66 และรายได้จากการจําหน่ายแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของ GULF1 นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจพลังงาน หมุนเวียน ยังเพิ่มขึ้น 16.6% จากไตรมาสก่อน จากการจําหน่ายแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของ GULF1 ที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับรายได้ของโรงไฟฟ้าชีวมวล GCG ที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับค่า Ft ขายส่ง


3) รายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค อยู่ที่ 1,133 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 68.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 29.8% จากไตรมาสก่อน จากความคืบหน้าที่มากขึ้นของงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรม MTP3 ในส่วนของงานถมทะเล


4) รายได้จากธุรกิจดาวเทียม อยู่ที่ 609 ล้านบาท ลดลง 17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3.3% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการให้บริการแก่ลูกค้าไทยคม 4 ที่ลดลงตามสัญญา ประกอบกับในไตรมาส 1/66 มีการรับรู้ค่าจ้างที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการบริหารจัดการสถานีภาคพื้นดินให้กับโครงการ Globalstar ส่วนแบ่งกําไร core profit จากบริษัทร่วมและการร่วมค้า ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 2,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับส่วนแบ่งกําไรที่เพิ่มขึ้นจาก INTUCH รวมทั้งต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ช่วยสนับสนุนกําไรของโรงไฟฟ้า 7SPPs ภายใต้กลุ่ม GJP และ PTT NGD ให้ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับโรงไฟฟ้า BKR2 ผลิตไฟได้มากขึ้นจากความเร็วลมที่ดีขึ้น และโรงไฟฟ้า DIPWP มีปริมาณการจําหน่ายไฟฟ้าและน้ําจืดที่มากขึ้นด้วย

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์