บริษัท ปตท. น้ํามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่า ผลการดําเนินงานไตรมาสที่ 1 มีรายได้ขายและบริการ 177,867 ล้านบาท ลดลง 14,675 ล้านบาท (-76%) จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักจากปริมาณจําหน่ายน้ํามันที่ลดลงทั้งในธุรกิจค้าปลีกน้ํามัน และธุรกิจตลาดพาณิชย์ของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 8.6% ตามปริมาณจําหน่าย ถึงแม้ว่าราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น
กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 0.5% จากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอื่น และกลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 10.9% ตามปริมาณจําหน่ายน้ํามันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
ในไตรมาสแรก มี EBITDA จํานวน 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,650 ล้านบาท (+>100%) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกําไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ที่กําไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรฟื้นตัวในประเทศฟิลิปปินส์
สําหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหาร และเครื่องดื่ม และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอื่น สําหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดําเนินงานสุทธิลดลง โดยหลักจากค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สําหรับส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมมีผลติดลบ เนื่องจากมี รายการปรับปรุงการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนในบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมา
สําหรับ Share of gain from investments ในกิจการอื่นปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยหลักจาก บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จํากัด (Thappline) ในไตรมาสนี้สกุลเงินบาทอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์
ทําให้ในไตรมาสที่ 1 OR มีกําไรสุทธิ จํานวน 3,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้นปีก่อน 25% จากไตรมาสก่อน 3,530 ล้านบาท และคิดเป็นกําไรต่อหุ้น 0.31 บาท