จับตาการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1/67 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดกำไรหลักหุ้นกลุ่มพลังงานยังแข็งแกร่ง หากไม่รวมผลจากอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมหวังแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP เตรียมทำประชาพิจารณ์เร็วๆ นี้ ชี้กำไรบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BCPG ฟื้นเด่น พร้อมเลือกบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GULF เป็น Top Pick
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินกำไรหลักหุ้นพลังงานไตรมาส 1/67 จะออกมาแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษโดยเฉพาะกําไร (ขาดทุน) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่ากําไรหลักรวมในไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 8.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และ 19% จากไตรมาสก่อน
ซึ่งการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน มาจากการขยายกําลังการผลิตของ GULF เพิ่มขึ้น 23% และ และส่วนแบ่งกําไรของ EGCO เพิ่มขึ้นจากโครงการ Paju Es และโครงการ NTPC เป็นหลัก ส่วนกําไรที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน มาจากกําไรหลักที่เพิ่มขึ้นของ GPSC ส่วนใหญ่มาจากค่าไฟฟ้าที่ สูงขึ้น 5% ค่าบํารุงรักษาที่ต่ำตามฤดูกาล และส่วนแบ่งกําไรของ EGCO เพิ่มขึ้นจากโครงการ Paju ES และโครงการ NTPC เป็นหลัก
ทั้งนี้ เชื่อว่ารัฐบาลจะเผยแพร่แผน PDP ใหม่ในปีนี้ และจากการตรวจสอบพบว่าร่าง PDP ใหม่น่าจะมีการเปิดให้ทําประชาพิจารณ์ได้ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะมีการเปิดประมูลกําลังการผลิตแบบดั้งเดิมที่ 12.9 กิกะวัตต์ และกําลังการผลิตพลังงานทดแทน 27.8 กิกะวัตต์ โดยประเมินกําลังผลิตไฟฟ้าสํารอง (ไม่รวมพลังงานทดแทน) อยู่ที่ 15% เพื่อรับรองความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศ
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่อีกต่อไป และพลังงานทดแทนจะคิดเป็น 50% ของกําลังการผลิตรวมของประเทศไทยในปี 2580 ซึ่งอาจเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าสําหรับการประมูล
ทั้งนี้ คาดว่ากําไรหลักของ BCPG จะโดดเด่นที่สุดในบรรดาหุ้นพลังงานที่เราศึกษา โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 533% จากไตรมาสก่อน เป็น 245 ล้านบาท แรงหนุนจากผลการดําเนินงานเต็มไตรมาส และเป็นช่วงไฮซีซั่นของโครงการ CCGT (โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbine หรือ CCGT) และแรงหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังน้ําเดินเครื่อง เต็มไตรมาส
อย่างไรก็ตาม คงมุมมองบวกต่อกลุ่มธุรกิจพลังงาน เลือก GULF เป็น Top Pick คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธุรกิจนี้ เนื่องจากความเสี่ยงด้านนโยบายมีจํากัด จากคาดว่าราคา ก๊าซธรรมชาติจะมีแนวโน้มลดลงในปีนี้และจะค่อยๆ กลับมาสู่ระดับปกติ (ระดับก่อนปี 2565) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากําไรของผู้ผลิตไฟฟ้าในปี 2567-2568 นอกจากนี้ PDP ใหม่น่าจะออกภายในปีนี้ โดย GULF เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากเชื่อว่า GULF จะเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดจากการประมูลกําลังการผลิตไฟฟ้าแบบธรรมดาและพลังงานทดแทนในอนาคต
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้