STX ฟอร์มหลุดต่ำจอง 7% แม้มูลค่าระดมทุนแค่ 195 ล้านบาท หรือจะหมดยุค “ไอพีโอหุ้นเล็ก”

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

STX ฟอร์มหลุดต่ำจอง 7% แม้มูลค่าระดมทุนแค่ 195 ล้านบาท หรือจะหมดยุค “ไอพีโอหุ้นเล็ก”

Date Time: 26 เม.ย. 2567 12:55 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Latest


เทรนด์หุ้นไอพีโอ ไซส์เล็ก เทรดวันแรกเหนือจอง อาจจะจบแล้ว เมื่อการเข้าทำการซื้อขายของบริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX ที่กำหนดราคาไอพีโอแค่ 3.00 บาท และกระจายหุ้นเพียง 65 ล้านหุ้น มีมูลค่าระดมทุนแค่ 195 ล้านบาท แต่ราคาหลังเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai กลับต่ำ

โดยความเคลื่อนไหวการเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ครั้งแรก สำหรับบริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX เปิดการซื้อขายที่ 2.78 บาท ปรับตัวลดลงจากราคาจองซื้อที่ 3 บาท  


STX ประกอบธุรกิจเหมืองหินและแร่ รวมถึงให้บริการขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่ไซต์งานอย่างครบวงจร โดยมีประทานบัตรเหมือง 2 แห่ง  คือ 1 เหมืองหนองข่า อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ผลิตหินแกรนิต ซึ่งใช้ในการก่อสร้างอาคาร ถนน จำหน่ายให้กับลูกค้าแถบจังหวัดชลบุรี รวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC และ 2 เหมืองจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ผลิตและจำหน่ายหินปูนและแร่โดโลไมต์ ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซีเมนต์ งานผลิตแก้ว ปรับสมดุลดินหรือบำบัดน้ำเสีย


STX มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 307.13 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 242.13 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 65 ล้านหุ้น หรือระดมทุน 195 ล้านบาทเท่านั้น 


บล.ทิสโก้ ประเมินว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่า รายได้ปีขยายตัว จากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และได้ประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่คาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ พ.ค. เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าอุปสงค์วัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งแร่โดโลไมต์ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของบริษัทผลักดันให้ยอดขายเติบโต โดยปี 2023 ที่ผ่านมาเติบโตราวร้อยละ 50 จากการออกผลิตภัณฑ์แร่โดโลไมต์ผงที่ใช้ประโยชน์ได้ในหลายอุตสาหกรรม เพื่อเสริมความแข็งแรงของวัสดุ เช่น คอนกรีต แก้วและกระจก ฯลฯ โดยหากอิงจากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงไตรมาสที่ 1 คาดว่าราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ในปี 2024 จะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน


กำไรขยายตัวตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของอุปสงค์ในการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ช่วยหนุนอัตรากำไรของบริษัทจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้จากแร่โดโลไมต์ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ขณะที่คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับมีกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ถาวรที่คาดว่าเพิ่มเข้ามา อย่างไรก็ตามเหมืองแห่งใหม่ที่บริษัทคาดว่าจะเริ่มเข้าลงทุนได้ในปี 2567 อาจมีต้นทุนในการดำเนินงานช่วงแรก ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น แต่โดยภาพรวมยังคาดว่าปี 2567 จะเห็นการเติบโตของกำไร


การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อลงทุนเหมืองแร่แห่งใหม่มีความเหมาะสม เนื่องจากจะช่วยเพิ่มปริมาณวัตถุดิบให้แก่บริษัท ซึ่งจะสร้างการเติบโตของรายได้ในอนาคต และปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ ได้แก่ เหมืองแห่งใหม่ที่บริษัทจะเข้าไปลงทุน ตั้งอยู่ที่ ต.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี (อยู่ระหว่างการยื่นคำขอประทานบัตรใหม่) และ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี (ได้รับอนุญาตประทานบัตร เป็นระยะเวลา 29 ปี) นอกจากนี้บริษัทมีแผนจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.055 บ./หุ้น หลังผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 2 พ.ค. 67 ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (XD) 16 พ.ค.


ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ 1) การสำรวจและจัดหาแหล่งวัตถุดิบ 2) การเปลี่ยนแปลงของปริมาณสำรอง 3) การต่ออายุประทานบัตร โดยการประเมินเบื้องต้น อิงจาก PER เฉลี่ยของผู้ประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในต่างประเทศที่ 16.02 เท่า มองว่ามูลค่าเหมาะสม ณ ราคา IPO มีพรีเมียมแล้ว ■


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์