เอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการและโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับตลาดทุน มีมติอนุญาตให้กองทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ทั้งการลงทุนโดยตรง และการลงทุนในบิตคอยน์ ETF แต่ทั้งนี้ต้องกำหนดและพิจารณาความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละประเภท เช่น กลุ่ม Investment Token ที่มีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก และสามารถเทียบเคียงกับหลักทรัพย์ นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้ ส่วนนักลงทุนสถาบันที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้น อาจสามารถลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีได้ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดรับฟังความคิดเห็นหลักการดังกล่าวได้ในเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน ยังมีแนวคิดในการปรับปรุงเกณฑ์ ให้สามารถนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ เช่น พันธบัตร และหุ้นกู้เอกชน มาทำให้อยู่ในรูปแบบของสินทรัพย์ดิจิทัลได้ (Tokenize) เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุด โดยอยู่ระหว่างการเร่งรัดให้เห็นเป็นรูปธรรมในอนาคต
พร้อมกันนี้ เตรียมปรับหลักเกณฑ์การกำกับดูแลการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment token) เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ ตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะให้มีการยื่นเสนอขายในลักษณะเป็นโครงการ (shelf filing) เพื่อให้เกิดกลไกทางเศรษฐกิจดิจิทัล คาดว่าจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นได้ในเดือนพฤษภาคม
เอนก อยู่ยืน กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 1/67 สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ดำเนินคดีผู้กระทำผิดในคดีสำคัญ 14 คดี ทั้งการทุจริตของผู้บริหารจดทะเบียน และการกระทำที่ไม่เป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ การสร้างราคา และการใช้ข้อมูลภายใน โดยมีการกล่าวโทษเป็นคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน 11 คดี และมีมติลงโทษทางแพ่ง 3 คดี
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้บังคับใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง ตั้งแต่ปี 2560 แล้วจำนวน 61 คดี เรียกชำระค่าปรับทางแพ่งแล้วกว่า 1.5 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างจับตาความผิดปกติในตลาดหุ้นหลายกรณี พร้อมเล็งยกระดับมาตรการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสร้างราคา พร้อมศึกษาแนวทางเพื่อเพิ่มบทลงโทษ
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เพื่อออกมาตรการพิจารณาคุณภาพหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อปรับลดสัดส่วนวงเงินกู้หากมีการกระจุกตัว ทั้งบัญชี Credit Balance และบัญชี Cash Balance คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปไตรมาส 2/67 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทุน และป้องกันเหตุซ้ำรอยเคสหุ้น MORE
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้