LH BANK โชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรก 370 ล้านบาท ลดลง 30% เหตุค่าใช้จ่ายเพิ่ม ควบขาดทุนด้านเครดิต

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

LH BANK โชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรก 370 ล้านบาท ลดลง 30% เหตุค่าใช้จ่ายเพิ่ม ควบขาดทุนด้านเครดิต

Date Time: 18 เม.ย. 2567 20:10 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH BANK) โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/2567 มูลค่า 370 ล้านบาท ลดลง 30% เหตุค่าใช้จ่ายเพิ่ม ควบขาดทุนด้านเครดิต ส่วนบริษัทแม่ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป หรือ LHFG กำไรสุทธิ 399.2 ล้านบาท ลดลง 40.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2567 ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน จากแรงหนุนเศรษฐกิจต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยการส่งออก กลับมาขยายตัวและจำนวนนักท่องเที่ยวเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ด้านอัตราเงินเฟ้อชะลอลง และคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายตลอดทั้งปี 


อีกทั้ง ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีการส่งออก และการท่องเที่ยวยังเผชิญกับความเสี่ยงจากอุปสงค์โลกที่เปราะบาง โดยเฉพาะการชะลอลงของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากมีความเชื่อมโยงต่อประเทศไทยค่อนข้างมาก


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า สถานการณ์ภาคการธนาคาร ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เงินฝากขยายตัวต่อเนื่อง เงินให้สินเชื่อขยายตัวได้อย่างจำกัดจากความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ และการเพิ่มความระมัดระวังในการให้สินเชื่อกับธุรกิจบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะธุรกิจ SMEs รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่


ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 399.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 351.7 ล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไร (ขาดทุน) สุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรม ผ่านกำไรหรือขาดทุนและรายได้จากการดำเนินงานอื่น และกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 40.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 669.9 ล้านบาท เป็นผลจากการลดลงของรายได้เงินปันผล


LH Bank กำไรสุทธิไตรมาส 1 ลดลง 29.7


สำหรับธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank มีผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 370.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 323.1 ล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไร (ขาดทุน) สุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่า ด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 29.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 526.5 ล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 


พร้อมกับชี้แจงรายละเอียดดังนี้ 


รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 1,736 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 0.3%


ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ธนาคารฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 1,736.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 โดยรายได้ดอกเบี้ยไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 จำนวน 3,270.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.8 และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจำนวน 1,533.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เท่ากับร้อยละ 2.33 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ที่อยู่ที่ร้อยละ 2.49

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิ 188.3 ล้านบาท

ไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 188.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ส่วนใหญ่เป็นกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และลดลงร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของกำไรจากเงินลงทุนและรายได้เงินปันผล


ผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.4% 


มีรายการด้วยว่า LH Bank ผลขาดทุนด้านเครดิต (หรือ การตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามมาตรฐานบัญชีใหม่) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 จำนวน 526.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 86 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 และอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ณ ไตรมาสที่ 1ของปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 202.11


อีกทั้งในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ธนาคารฯ ยังมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน เท่ากับ 0.19 บาทต่อหุ้น ลดลงขึ้นร้อยละ 70.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และลดลงร้อยละ 27.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment


ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ