หุ้นไทยบวกทะลุ 25 จุด! เก็งกำไรฉ่ำ รับรัฐอัดยากระตุ้นเศรษฐกิจ ‘ต่างชาติ’ พลิกซื้อ 6 พันล้าน

ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ (9 เม.ย. 67) ปิดตลาดพบว่า ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 25.53 จุด เปลี่ยนแปลง +1.72% ดัชนีอยู่ที่ 1,401.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,387.73 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 6,037.79 ล้านบาท 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย มองว่าเป็นผลจากคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ออกมาชะลอตัวมากนัก ประกอบกับปัจจัยหนุนภายในประเทศ ทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ ภาครัฐได้ประกาศมาตรการสนับสนุนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมค่อนข้างมาก โดยประเมินว่าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอีกระดับ 1.7-1.8% ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีออกเรื่อยๆ หลังจากนี้ เพราะงบประมาณปี 2567 จะสามารถเบิกจ่ายได้ในช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป

นอกจากนี้ หุ้นที่ราคาฟื้นตัวได้ดีในวันนี้มองว่าเป็นหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเปิดเผยตัวเลขยอดขายชอร์ตคงค้างรายวัน (Outstanding short position) โดยนักลงทุนเริ่มเห็นว่าการชอร์ตเซลที่สถานะค้างอยู่ไม่ได้เยอะมาก และส่วนใหญ่เป็นแรงเก็งกำไรระหว่างวัน จึงมีการเก็งกำไรในหุ้นดังกล่าวหลายตัว เช่น AWC และ BTS

“เรื่องปัจจัยภายนอก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบ้านเรา และการรายงานยอดชอร์ตเซล ตรงนี้ล้วนมีส่วนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น” ณัฐพล กล่าว

สำหรับโมเมนตัมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น มองว่ายังมีโอกาสไต่ระดับขึ้นต่อได้ โดยแนวต้านอยู่ที่ 1,405-1,410 จุด ส่วนระยะกลาง-ยาว ยังคงมุมมองเชิงบวกที่เป้าหมายดัชนี 1,520 จุด จากแนวโน้มเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่องตามการเบิกจ่ายงบประมาณ ประกอบกับยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่รออยู่ นั่นคือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่คาดว่าจะออกมาในไตรมาส 4/67

ขณะเดียวกัน แนะนำนักลงทุนเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และคาดหวังผลประกอบการไตรมาส 1/67 จะออกมาดี รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐด้วย ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ (SAWAD) จากโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป, กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) จากงบไตรมาส 1/67 จะได้ประโยชน์จากโครงการ Easy e-receipt และดิจิทัลวอลเล็ต, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (NOBLE, SC, LH) จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เข้ามาช่วยหนุน

ณัฐพล กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย แต่ยังเป็นเม็ดเงินยังเป็นเม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดจากการขายพันธบัตรมาซื้อหุ้น จากตอนนี้ทิศทางของค่าเงินบาทยังเป็นลักษณะของการแกว่งตัวอ่อนค่า สอดคล้องกับดอลลาร์สหรัฐที่มีการแข็งค่าขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม วันนี้เริ่มเห็นการแข็งค่าของเงินบาทขึ้นมา โดยมองว่าเป็นลักษณะของกระแสเงินลงทุนที่รอไหลกลับเข้ามา เพราะปัจจุบัน Valuation ของตลาดหุ้นไทยถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และในปีนี้ตลาดหุ้นไทยก็มีแนวโน้มการเติบโตดี ทั้งจากการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP Growth) และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS Growth)