ตลท.วาดฝันต่างชาติพลิก “ซื้อหุ้น” แม้ขายแล้วเกือบ 7 หมื่นล้าน เชื่อรัฐลงทุนดึงดูดได้

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลท.วาดฝันต่างชาติพลิก “ซื้อหุ้น” แม้ขายแล้วเกือบ 7 หมื่นล้าน เชื่อรัฐลงทุนดึงดูดได้

Date Time: 9 เม.ย. 2567 15:54 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • ตลาดหลักทรัพย์ หวังการใช้จ่ายภาครัฐ ช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติ พลิก "ตลาดหุ้นไทย" เป็นบวก แม้ 3 เดือนแรก ถูกเทขายไปแล้วเกือบ 7 หมื่นล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยมีผลงานน่าผิดหวัง เมื่อดัชนีปรับตัวลดลงจากต้นปี 1.79% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในหลายประเทศที่ปรับตัวทำสถิติใหม่ โดยปัจจัยสำคัญมาจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังเลือกขายหุ้นไทย โดยปัจจุบันมีแรงขายสุทธิแล้วกว่า 68,862 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังมองว่า เงินลงทุนต่างชาติท้ายที่สุดจะพลิกเป็นซื้อสุทธิ จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐช่วยดึงดูด


ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของกระแสเงินทุนต่างชาติในปี 2567 เชื่อว่าจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยได้ แม้ในช่วงที่ผ่านจะมีการขายสุทธิเกือบ 7 หมื่นล้านบาทแล้วก็ตาม โดยมองว่า แรงดึงดูดที่สำคัญที่จะทำให้เงินทุนพลิกกลับมาเป็นบวก คือการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ 


“ตลาดหุ้นไทยจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ มาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลจะช่วยดึงเงินต่างชาติให้กลับมาเป็นบวกได้" 


ทั้งนี้ ผู้จัดการตลาดหลักทัรพย์ มองว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังเหนื่อย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไม่ได้แยกตัวจากเศรษฐกิจโลก ทำให้มีความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาเสมอ เช่น สงครามกลางเมืองในเมียนมาดังนั้นการที่นักลงทุนจะเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจไทย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นเป็นอย่างไรบ้าง โดยจะเห็นว่ากระแสเงินทุนเริ่มไหลกลับมาในเดือนกุมภาพันธ์ และกลับออกไปในเดือนมีนาคม ในปีนี้คาดว่าการใช้จ่ายภาครัฐที่มากขึ้นจะเป็น Turning point ตลาดหุ้นไทย เนื่องจากช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ทำให้กระแสเงินทุนกลับเข้ามาได้ รวมถึงธุรกิจไทยเริ่มแข็งแกร่ง กลับเข้ามาแข่งขันได้มากขึ้น ถ้าไม่มีอะไรผิดความคาดหมาย คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะปรับดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว


สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาสแรกปี 2567 พบว่า เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณชะลอตัวลง แม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่สภาวะถดถอย แต่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ลดลงตาม ที่ธนาคารกลางหลายแห่งคาดหวัง ทำให้ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของแต่ละประเทศแตกต่างกันไป โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งเกินคาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่า FED อาจชะลอการลดดอกเบี้ยออกไป ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดีหุ้นขนาดกลางและเล็กได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมาก

ภาวะตลาดหุ้นไทยเดือน มี.ค

  • ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 SET Index ปิดที่ 1,377.94 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว และส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรับลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริการ กลุ่มการเงิน และกลุ่มทรัพยากร
  • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 42,782 ล้านบาท ลดลง 30.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ หลังจากซื้อสุทธิในเดือนกุมภาพันธ์ โดยในเดือน มี.ค. มีการขายสุทธิ 41,238 ล้านบาท ทำให้ใน 3 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมแล้ว 68,862 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติจึงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 23
  • มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI)

Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ