จับตาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขยายเวลาซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่ม ซึ่งจะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก (25 มีนาคม 2567) โดยจะเปิดการซื้อขายช่วงบ่ายเพิ่มขึ้น 30 นาที จากเดิม 14.30-16.30 น. เป็น 14.00-16.30 น. นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดอาจไม่ช่วยให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า ประเด็นการขยายเวลาเทรดเพิ่มขึ้น 30 นาที มองว่าอาจไม่ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายต่อวันเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะระยะเวลาการซื้อขายไม่ได้มีผลต่อนักลงทุนรายย่อย แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ คือ นักลงทุนจะสามารถบริหารความเสี่ยงในการลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศผ่านตลาดหุ้นไทยได้ดีขึ้น เช่น การลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์ตราสารแสดงสิทธิในการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) จากระยะเวลาซื้อขายที่สอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่านักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น และยังไม่กล้าคาดหวังกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากภาพรวมนโยบายการเงินยังมีความเสี่ยง ซึ่งกระทบจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และไทยที่สูง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว และมีโอกาสที่กระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติจะไหลออก
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันอยู่ในช่วงที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ทำให้นักลงทุนหลายรายอาจชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และหันไปลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศแทน ส่งผลให้คาดว่าปริมาณซื้อขายจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป จนกว่าตลาดหุ้นไทยจะมีจุดเปลี่ยน
ส่วนปัจจัยที่จะทำให้ปริมาณการซื้อขายกลับมาอยู่ในระดับสูงได้นั้น ประกอบด้วย 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในระยะกลาง-ยาว และ 2.นโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ที่กดดันภาพรวมการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยมองว่าหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็มีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจะมีโอกาสไหลกลับเข้ามามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 นี้ยังมีความไม่แน่นอน แนะนำนักลงทุนโฟกัสลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนตัว และแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยว เช่น หุ้นในกลุ่มโรงแรม, กลุ่มสายการบินและสนามบิน, กลุ่มสปา, กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะอาหาร
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วันนี้จะเป็นวันทำการแรกที่ตลาดหุ้นไทยจะขยายระยะเวลาซื้อขาย จาก 270 นาทีต่อวัน เป็น 300 นาทีต่อวัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็สร้างความคาดหวังว่าน่าจะทำให้ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นไทยปรับสูงขึ้น เป็นผลดีต่อทิศทางตลาด
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานยังไม่เห็นแรงกระตุ้นใหม่ๆ โดยประเด็นที่อยู่ในการติดตามเป็นเรื่องงบประมาณปี 2567 ซึ่งสัปดาห์นี้จะเป็นหน้าที่ของวุฒิสภาในการพิจารณาซึ่งคาดว่าจะสามารถผ่านออกมาได้ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2567
ส่วนมุมเรื่องทิศทางดอกเบี้ย ประเมินจากท่าทีของ ธปท. ก็เห็นว่ายังไม่ชัดเจน กล่าวคือดูเหมือนจะไม่กังวลต่อผลที่จะเกิดขึ้นกับค่าเงินบาท แต่ในอีกทางหนึ่งก็เห็นว่าภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเริ่มเข้ารูปเข้ารอยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทั้งนี้ค่าเงินบาทช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อ่อนค่ามาสู่ระดับ 36.35 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งไม่เอื้อต่อการที่กระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามา
แม้จะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการขยายระยะเวลาการซื้อขายเพิ่ม 11.11% แต่ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานก็ยังไม่มีประเด็นขับเคลื่อนที่มีน้ำหนักดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 1,376-1,390 จุด TOP PICK เลือก BGRIM, MTC และ TASCO.
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้