อุตสาหกรรมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรเกอร์) ในประเทศไทยแข่งขันกันอย่างดุเดือด สะท้อนจากการลดค่าธรรมเนียมอย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งเสนอบริการต่างๆ ให้กับนักลงทุนเพื่อดึงดูดลูกค้า ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแอปพลิเคชัน Pi Financial เดินหน้าให้บริการนักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์ที่หลากหลายได้ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว พร้อมตั้งเป้าปี 2567 นี้ ฐานลูกค้าเติบโต 3 เท่า มูลค่าทะยานสู่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
บ๊อบ เวาเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมโบรเกอร์ในประเทศไทย เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยจะเห็นว่าโบรกเกอร์หลายแห่งมุ่งเน้นในการลดค่าคอมมิชชั่นอย่างต่อเนื่องด้วยภาวะการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูกค้า แต่อย่างไรก็ดี โบรกเกอร์จะต้องมุ่งเน้นในการลงทุนเพื่อพัฒนาด้านดิจิทัลมากขึ้นด้วย
หากดูแนวโน้มจากบริษัทหลักทรัพย์ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ จะเห็นว่าหลายแห่งพยายามมุ่งเน้นไปยังการพัฒนาด้านดิจิทัลมากขึ้น เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส และสามารถให้บริการได้แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อรายได้ค่าธรรมเนียมของอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ โบรกเกอร์หลายแห่ง อาจไม่สามารถลงทุนพัฒนาด้านดิจิทัลได้ เนื่องจากใช้เงินลงทุนสูง โดยเชื่อว่าในระยะถัดไปจำนวนโบรกเกอร์ในอุตสาหกรรมจะลดลง ส่วนหนึ่งจะเกิดจากการควบรวมกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บล.พาย เชื่อว่าจะสามารถเป็นผู้ชนะในตลาดนี้ได้ จากการลงทุนด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีแพลตฟอร์มในการให้บริการที่แข็งแกร่ง
พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วง 2 ปีให้หลัง จะเห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยค่อนข้างทรงตัว ทำให้นักลงทุนมองหาการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่ง บล.พาย พร้อมสำหรับการให้บริการการลงทุนประเภทต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร
บ๊อบ เวาเทอร์ส กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2567 นี้ บริษัทตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ผ่านการพัฒนาบริการในรูปแบบดิจิทัลภายใต้แนวคิด “Digital With A Human Touch” ควบคู่กับบริการแนะนำการลงทุนส่วนบุคคลให้กับลูกค้า ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของธุรกิจทั้ง 3 แกนหลัก ได้แก่ การให้บริการนักลงทุนรายย่อย (Retail business), ธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth management) และการเติบโตร่วมกับพันธมิตร (Partnership)
โดยการพัฒนาแอปพลิเคชัน “Pi Financial” ก็ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ปี 2567 ของบริษัท ที่ลงทุนพัฒนาแอปฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ในการซื้อขาย และแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์หลายประเภท และในหลายตลาด โดยมั่นใจว่าด้วยทีมนักวิเคราะห์ที่แข็งแกร่ง และทีมที่ปรึกษาทางการลงทุนที่เชี่ยวชาญ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกระดับ
พร้อมกันนี้ บล.พาย ยังมุ่งเปิดตัวธุรกิจการบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth management) ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำ (AUA) จากลูกค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ และตั้งเป้าเพิ่ม 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปีแรก โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ High-Net-Worth พร้อมนำเสนอโอกาสการลงทุนที่คัดสรรอย่าง พิถีพิถัน ร่วมกับผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ตลอดจนการวางแผนบริหารความมั่งคั่งสู่ระบบดิจิทัล
อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนผู้แนะนำการลงทุน (IC) และผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าผู้ประกอบการ (RM) ในระยะถัดไปอย่างน้อย 2 เท่า เพื่อให้บริการลูกค้าและสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ในช่วงที่ผ่านมา หลายโบรกเกอร์ในอุตสาหกรรมจะมีการลดจำนวนพนักงานอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้