เป็นที่น่าจับตาสำหรับ บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BKGI หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ที่กำลังจะเตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (20 มี.ค. 67) ในหมวดบริการ/การแพทย์ โดยบริษัทเป็นผู้ประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ด้วยเทคโนโลยีการอ่านลําดับพันธุกรรม (NGS) การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ (NIPT) ไปจนถึงการคัดกรองความผิดปกติของตัวอ่อนก่อนฝังตัวในการทํา IVF
โดย BKGI เคาะราคาเสนอขายไอพีโอที่ 1.63 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ระดับ 30.43 เท่า รวมมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 260.80 ล้านบาท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเป็นหลัก
ล่าสุด ประกาศผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิ 32.14 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13% ลดลงจากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 75.11 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 23.47% เนื่องจากรายได้รวมในปี 2566 ลดลงจากปีก่อนหน้า 22.72% รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากการลดลงทั้งจากการขายและให้บริการ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการลดลงเล็กน้อย ส่งผลทำให้อัตรากำไรสุทธิลดลง
ทั้งนี้ รายได้จากการบริการสำหรับปี 2566 มีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ คิดเป็นสัดส่วน 85.80% ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากการตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อลดลงเป็น 9.45% คาดว่ารายได้จากการตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อในส่วนของโควิด-19 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BKGI เป็นผู้ให้บริการตรวจคัดกรองทางพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยีลํ้าสมัย ปัจจุบันมีคลินิกที่พระราม 4 โดยมีจุดแข็งคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นไบโอเทคระดับโลกสัญชาติจีน อย่างกลุ่ม BGI ซึ่งก่อนไอพีโอถือหุ้นใน BKGI ในสัดส่วน 51%
โดยกลุ่ม BGI เป็นผู้ให้บริการด้านการแพทย์จีโนมิกส์ถือเป็น Life Science Corporation อันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับ 5 ของโลก ซึ่ง BKGI ได้รับการสนับสนุนด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี และจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงได้รับอนุญาตใช้เครื่องหมายการค้าที่ BGI เป็นเจ้าของกรรมสิทธิได้แก่ NIFTY ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกและอันดับต้นในไทย, VISTA, NOVA, BGI-XOME, COLOTECT และ SENTIS
ทั้งนี้ คาดการณ์กําไร 3 ปีข้างหน้า จะโตเฉลี่ย 21% ต่อปี ถือเป็นหุ้นในกลุ่ม Growth stock หลายบริษัทวิจัยระดับโลกได้คาดการณ์มูลค่าตลาด NGS และ NIPT ของโลกในอีก 7-10 ปี ข้างหน้าจะโตเฉลี่ย 12-16% ต่อปี โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถูกคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ตามความต้องการของมนุษย์ที่ต้องการมีสุขภาพดีและมีชีวิตยืนยาว จึงเกิดแรงผลักดันใช้การแพทย์จีโนมิกส์ ในการเน้นป้องกันโรคเฉพาะบุคคล หรือโรคหายาก ถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกและของไทย โดยคาดกําไรสุทธิปี 2567 ของ BKGI จะโตแรง 81% จากปีก่อนเพราะฐานตํ่า
นอกจากนี้ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ของ BKGI ที่ 2.70 บาท สามารถบอกได้ว่าเป็น P/E เป้าหมายที่ 30 เท่า ตํ่ากว่า P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ของกลุ่มโรงพยาบาลในไทย และบริษัทระดับโลกกลุ่ม NGS ที่ 34.8 เท่า และ 40.6 เท่า และด้วยแนวโน้มกําไรในอนาคตของ BKGI ที่สูงกว่า ซึ่งคิดเป็น PEG ที่ 1.4 เท่า ยังตํ่ากว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่ม NGS ระดับโลกที่ 3.4 เท่า และ 2.2 เท่า ตามลําดับ