Depositary Receipt หรือ DR กำลังถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลหลัก คือ DR เป็นเครื่องมือการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้โดยตรงผ่านตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ง่าย ด้วยเงินจำนวนน้อยกว่า เพียงหลัก 10 บาทก็ซื้อหุ้นต่างประเทศได้
ซึ่งหนึ่งในปัจจัยเร่งที่ทำให้ DR และ DRx เติบโตเร็ว คือ นโยบายของรัฐที่ต้องการเก็บภาษีลงทุนหุ้นโดยตรงจากต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนที่เคยลงทุนโดยตรงต้องเปลี่ยนช่องทางใหม่ ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ยอมรับว่า ใช้เครื่องมือนี้ในการลงทุน
คือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนชื่อดัง ที่เปิดเผยว่า ตนมีการลงทุนใน DR และ DRx เพื่อหาโอกาสร้างผลตอบแทนการลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้ตลาด DR ในช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างมาก และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดพุ่งเกิน 2 หมื่นล้านบาท
ต่อตระกูล สัตยาประเสริฐ Head of Structuring and Products Development ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า ความนิยมในการลงทุนผลิตภัณฑ์ Depositary Receipt หรือ DR ในตลาดหุ้นไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป ในตลาด DR กับ DRx รวมกันทะลุ 2.2 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากนักลงทุนไทยเห็นช่องทางการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงการใช้ DR เป็นช่องทางลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเก็บภาษีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
“ตลาด DR และ DRx มีการเติบโตที่ดีมาก โดยมองว่า นักลงทุนเริ่มเห็นโอกาสการสร้างผลตอบแทนต่างจากประเทศ และในขณะเดียวกันการเก็บภาษีลงทุนจากต่างประเทศเป็นปัจจัยเร่งให้พวกเขามาใช้ช่องทางนี้ในการลงทุน”
จุดหนึ่งที่ทำให้ นักลงทุนเข้ามาลงทุนใน DR เพราะเป็นสินค้าที่ไม่มีอยู่ในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ระดับโลก มีอัตราการเติบโตที่สูง นอกจากนี้ การลงทุนใน DR และ DRX ยังอยู่ภายใต้กฎของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ที่เป็นผู้ควบคุม ดังนั้นทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาด DR และ DRx นั้น ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนรายใหญ่เริ่มเห็นโอกาสและเข้ามาลงทุน ซึ่งรูปแบบการเข้าลงทุนใน DR นั้นเราพบว่า เป็นการลงทุนแบบสะสม เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยผู้ถือหน่วย DR ยังได้รับสิทธิทั้งการรับเงินปันผล และการใช้สิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับการถือหุ้นโดยตรงจากต่างประเทศ
สำหรับ ธนาคารกรุงไทย นั้นปัจจุบันเป็นผู้ออกสินค้า DR และ DRx มากที่สุดในตลาด โดยปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 17 หลักทรัพย์ โดยในปีนี้ คาดว่าจะมีการออกเพิ่มขึ้นประมาณ 20 หลักทรัพย์ โดยโฟกัสในกลุ่มหุ้นที่เป็นที่นิยมของนักลงทุน