เปิดตัวแล้วสำหรับ ระเฑียร ศรีมงคล ที่เข้ามารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XSpring ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุน ที่จะสร้างการเติบโตแบบมหัศจรรย์ ให้กับบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น KTC ที่ปั้นกำไรจากหลักร้อยล้านบาท จนล่าสุด KTC มีกำไรมากกว่า 7 พันล้านบาท จึงทำให้แฟนคลับคุณหมอ ระเฑียร เห็นการเข้ามาบริหารจัดการใน XSpring และหวังกับการเติบโตที่สูงเหมือนในอดีต
โดยในการเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ หมอระเฑียร เผยว่า ไม่อยากให้นักลงทุนคาดหวังการเติบโตในระดับสูงเหมือนกับอดีต เพราะยังอยู่ระหว่างการสร้างฐานให้กับบริษัท โดยมองว่า จุดนี้คือจุดสำคัญที่จะสร้างการเติบโตได้ในอนาคต
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XSpring เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์ในการบริหาร XPG ในปี 2567 นั้นจะเป็นปีของการสร้างฐานของธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ทั้งนี้ ยังย้ำกับผู้ลงทุนว่า ไม่ควรจะคาดหวังการเติบโตในระดับสูงในระยะเวลาอันใกล้
“XSpring ในช่วงนี้เรามองว่าเป็นการสร้างฐานของธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ดังนั้นการจะคาดหวังการลงทุนให้เติบโตในระดับ 30% ต่อปีนั้นเราไม่ได้อยากให้คาดหวัง”
ทั้งนี้ภาวะของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีความท้าทาย เราเห็นผู้ที่กำลังจะผิดนัดชำระหนี้ บริษัทต่างๆ มีความต้องการเงินทุนจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทเหล่านี้ต้องการสภาพคล่อง และเกิดความผันผวนในตลาด
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของธุรกิจ โดยเราจะโฟกัสการเป็นแหล่งระดมเงินทุนในรูปแบบต่างๆ ไม่จำกัดแค่การนำหุ้นเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ การออกหุ้นกู้ แต่จะเป็นตัวเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจ โดยเราจะโฟกัสในบริษัทกลุ่ม SET100 หรือ mai และมั่นใจว่าจะเข้าไปช่วยเป็นตัวเชื่อมโยงเงินทุนให้กับบริษัทกลุ่มนี้ได้
โอกาสการเติบโตของ XSpring เราวางเป้าหมายจะมีรายได้ที่ 1 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน โดยปีนี้ขาที่น่าจะเติบโตที่ดีที่สุด คือ ธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ ในการดีลด้านเงินทุนต่างๆ น่าจะเติบโตได้ดี ส่วนธุรกิจที่ลงทุนในด้านอื่นๆ ไว้นั้นต้องใช้เวลาทบทวนว่า มีความคุ้มค่าหรือไม่
วรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ (MD) บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายรายได้ในปีนี้ ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 47% โดยขาสำคัญที่จะสร้างรายได้ในปีนี้ จะมาจาก เงินปันผลและกำไรจากการลงทุน ประมาณ 60% ธุรกิจค่าธรรมเนียมและบริการประมาณ 30% และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมลงทุนประมาณ 10%
โดยธุรกิจที่จะเติบโตในปีนี้จะเป็นด้านวาณิชธนกิจที่เข้าไปทำดีลต่างๆ เพื่อเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน รวมถึงธุรกิจในด้าน AMC ที่คาดว่าปีนี้จะพลิกมีกำไร โดยมีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท
ส่วนในขาของธุรกิจด้านหลักทรัพย์ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชัน เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนในแต่ละประเภทสินทรัพย์ต่างๆ ให้กับนักลงทุนได้ทำการซื้อขายได้ง่ายอีกด้วย