GULF รับนโยบายรัฐ! ดึง 2 พันธมิตรลุย 10 โรงไฟฟ้าขยะ จ่อเดินเครื่องปี 68-69

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

GULF รับนโยบายรัฐ! ดึง 2 พันธมิตรลุย 10 โรงไฟฟ้าขยะ จ่อเดินเครื่องปี 68-69

Date Time: 12 มี.ค. 2567 10:35 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Latest


บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายของประเทศ ในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี พ.ศ.2593 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี พ.ศ.2608 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จึงได้มีมติเห็นชอบหลักการการรับซื้อไฟฟ้าและอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev. 1)


เนื่องจากการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมโดยการนำขยะที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และมีค่าความร้อนมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงแข็ง (Solid Recovered Fuel: SRF) เพื่อนำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้า (waste-to-energy) เป็นการสร้างมูลค่าของเสียจากโรงงาน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการลักลอบทิ้งขยะ ลดพื้นที่ฝังกลบ ลดการเผาทำลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และยังเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการฝังกลบ และลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิต ซึ่งทำให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรตามนโยบายของภาครัฐ ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio Circular Green Economy: BCG)


บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญตามนโยบายภาครัฐดังกล่าวจึงได้ร่วมมือกับบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) ซึ่งมีประสบการณ์มามากกว่า 20 ปี ในด้านการจัดการคัดแยกและฝังกลบขยะอุตสาหกรรม รวมถึงการแปรรูปขยะอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นของเสียอันตรายเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้า (SRF) และบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (ETC) ซึ่งเป็นผู้มีความชำนาญในการผลิตไฟฟ้าจากขยอุตสาหกรรมและขยะชุมชนที่มีมาตรฐานสูง


ทั้งนี้ ทั้งสามฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมแบบครบวงจรซึ่งเป็นการต่อยอดทั้งในด้านพลังงาน อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจอย่างครบถ้วน


ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 บริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทูเอ็นเนอร์จีโฮลดิ้งส์ จำกัด (GWTE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 ได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับ ETC เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม นอกจากนี้ GWTE ยังได้ลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับ BWG เพื่อร่วมพัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


1. สัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง GWTE กับ ETC

  • GWTE ได้ร่วมลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นกับ ETC เพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.00 ของบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด (GGP) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 10 โครงการซึ่งได้ลงนาม สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 20 ปี ไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา จำนวน 8 เมกะวัตต์ต่อโครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งสิ้น จำนวน 80 เมกะวัตต์ และมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569
  • GWTE ETC และ บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) (MILL) ได้ลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อให้ ETC เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในโครงการ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 2 โครงการ ภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด (SIP) ด้วยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบัน GWTE และ WTX ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 51.00 และ 49.00 ตามลำดับ โดยภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าวแล้วจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน SIP ของ GWTE WTX และ ETC อยู่ที่ร้อยละ 34.00 33.00 และ 33.00 ตามลำดับ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 2 โครงการภายใต้ SIP มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เป็นระยะเวลา 20 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา


2. สัญญาผู้ถือหุ้นระหว่าง GWTE กับ BWG

  • GWTE และ BWG ได้ลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นเพื่อเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50.00 ของบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด (CC) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น ประมาณ 2,600 ล้านบาท และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 โดย CC จะเป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม เพื่อส่งให้โรงไฟฟ้าในกลุ่ม GWTE ใช้ในการผลิตไฟฟ้าต่อไป


ทั้งนี้ ภายหลังจากการดำเนินธุรกรรมดังกล่าวข้างต้น กลุ่มบริษัทฯ จะมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. ภายใต้รูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569 และมีโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม (SRF) จำนวน 3 โครงการ ซึ่งมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการพัฒนาโครงการ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์