เป็นที่น่าจับตาสำหรับทิศทางธุรกิจของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BANPU หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติแต่งตั้ง “สินนท์ ว่องกุศลกิจ” ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทนนางสมฤดี ชัยมงคล โดยให้มีผลในวันที่ 2 เมษายน 2567 โดยการสรรหาและแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทบ้านปูเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ล่าสุด BANPU ประกาศความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านผู้นำ โดยเป็นบริษัทพลังงานที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ขึ้นนำทัพขับเคลื่อนการบริหารธุรกิจได้อย่างราบรื่น พร้อมผลักดันการปรับโครงสร้างการบริหารองค์กรให้กระชับและทันสมัย สอดรับกับวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ
สินนท์ ว่องกุศลกิจ ในฐานะว่าที่ซีอีโอคนใหม่ของ BANPU เปิดเผยว่า บ้านปูจะเข้าสู่ทศวรรษที่ 5 จากการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดไปสู่พลังงานที่ยั่งยืน โดยมีความมั่นใจในแผนธุรกิจและทีมงานอย่างมาก และทีมงานที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้น จะทำให้บ้านปูใหม่ขึ้น และแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งจะสามารถนำบ้านปูไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ จะเดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ต่อยอดประโยชน์สูงสุดกลุ่มธุรกิจ เพื่อทำให้บ้านปูเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงาน ที่สามารถส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน และตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานของโลกในอนาคต
“การที่บ้านปูมีธุรกิจทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ถือเป็น position ที่แข็งแรง ทำให้เรามองภาพรวมของอุตสาหกรรมพลังงานได้ไกลขึ้น และวางแผนได้แม่นยำขึ้น เพื่อตอบโจทย์กับการเจริญเติบโตของพลังงานโลกทั้งในระยะสั้น-ยาว จากความต้องการของพลังงานที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ” สินนท์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจพลังงานสะอาดให้มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ 50% จากโฟกัสการขยายธุรกิจใน 4 ประเทศ ที่มีศักยภาพ ได้แก่ อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกัน มีแผนเน้นการปรับปรุงธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการใช้เทคโนโลยีพลังงาน และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าไปใช้ในการดำเนินงานมากขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อทำให้สามารถสร้างอัตรากำไร (มาร์จิ้น) เพิ่มขึ้น
บริษัทวางงบลงทุนปี 2567 ไว้ที่ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.5 หมื่นล้านบาท) แบ่งเป็นสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติราว 50% ส่วนที่เหลือจะใช้ในการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการต่อยอดธุรกิจแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม ทุกแผนการลงทุนนั้น จะมุ่งเน้นในการเสริมประสิทธิภาพ และสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต
สำหรับแผนการนำบริษัทย่อย BKV Corporation (BKV) ผู้ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น บริษัทกำลังอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซ ซึ่งหากปรับตัวดีขึ้น ก็มีโอกาสที่จะนำบริษัทเข้าไอพีโอได้ โดยเชื่อว่าจะมีสัญญาณที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการใช้พลังงานแอมโมเนีย ไฮโดรเจน มาเป็นพลังงานสะอาดในโรงไฟฟ้า คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ทั้งนี้เพื่อผลักดันแผนลดคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า ตามกลยุทธ์ “Greener & Smarter” เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืนสู่เป้าหมาย Net Zero ในอนาคต
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้