บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTG เจ้าของสถานีบริการน้ำมันที่รู้จักกันในชื่อ "ปั๊มพีที" ประกาศแผนลุยขยายธุรกิจต่อเนื่อง วางเป้าขยายพอร์ตธุรกิจน้ำมัน (Oil) ดันมาร์เก็ตแชร์ทะลุ 25% ภายในปี 2570 ส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) หวังสร้างสัดส่วนกำไรมากกว่ากำไรของธุรกิจน้ำมัน Oil เผยเตรียมนำร้านกาแฟพันธุ์ไทยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2569
พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTG เปิดเผยว่า สำหรับแผนปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-12% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีงบลงทุนไว้ 4,000-5,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจทั้งธุรกิจน้ำมัน (Oil) และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) แบ่งเป็น ธุรกิจน้ำมัน 1,000-1,500 ล้านบาท ธุรกิจแอลพีจี 800-1,000 ล้านบาท ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 500-1,000 ล้านบาท ธุรกิจอื่นๆ 500-1,000 ล้านบาท และเพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ 1,000-1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2570 จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการมากกว่า 25% ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) Expansion & Renovation 2) Service Innovation 3) Data Optimization
นอกจากนี้ บริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนกำไรในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) มากกว่ากำไรของธุรกิจน้ำมัน (Oil) ภายในปี 2570 จากปัจจุบันอยู่ประมาณ 20% จากการเร่งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนนำธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในปี 2569 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเร่งสร้างผลประกอบการให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดหวังให้มีกำไรแตะ 4 หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับร้านกาแฟพันธุ์ไทย จะมุ่งขยายสาขาร้านในรูปแบบของ "แฟรนไชส์" มากขึ้น ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมันเป็นจำนวนรวม 5,000 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 882 สาขา ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ลาว พร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
ในปี 2567 นี้ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย พร้อมเติบโตตามแผนกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ 1. การใช้เดต้าหรือฐานข้อมูลจากบัตรสมาชิก Max Card และ Max Card Plus มาใช้ในการคัดเลือกพื้นที่ขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมันให้แม่นยำ และเลือกโลเคชั่นของการเปิดสาขาให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น 2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ นำเสนอสินค้าใหม่ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์แตกต่างจากคู่แข่ง
รวมทั้งขยายตลาดกลุ่มกาแฟพรีเมียมและกาแฟในบ้านให้มากยิ่งขึ้น และ 3. มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมยกระดับ Ecosystem สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเชื่อมให้ทุกคนได้มี โอกาสเข้าถึงชีวิตที่ "อยู่ดี มีสุข" ส่งมอบคุณค่าสู่สังคม พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับธุรกิจธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง บริษัทตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีสมาชิกเทรดประมาณ 350,000 ราย โดยมั่นใจปี 2567 จะมีมาร์เก็ตแชร์โตเป็น 9-10% และก้าวสู่เบอร์ 2 ของกลุ่มตลาดนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่า Maxbit จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่พีทีจี ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ "Elex by EGAT PT" ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า ไปแล้ว จำนวน 49 สถานี และมีแผนจะติดตั้งเป็น 262 สถานีในปี 2567 และเป็น 712 สถานีในปี 2570 เพื่อให้ครอบคลุมตามพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ เพราะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจากความเสถียรของเครื่องชาร์จ EV และการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเข้ามาใช้บริการต่างๆ เช่น ร้านกาแฟพันธุ์ไทย หรือร้านสะดวกซื้อ Max Mart ภายในปั๊ม PT ระหว่างรอชาร์จได้อีกด้วย
ขณะที่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ลงทุนผ่าน บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) โดยซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA ได้ตั้งงบลงทุนในอีก 5 ปีที่ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ต Solar Rooftop รูปแบบ Private PPA อีก 28.67 เมกะวัตต์ บนพื้นที่มากกว่า 1,200 สถานี โดยมีเป้าหมายลดปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 33 ล้านหน่วยต่อปี คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 13,420 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกป่า 2.9 ล้านต้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้