บล.เอเซีย พลัสออกบทวิเคราะห์หลังตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ม.ค. 67 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.0% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ถือว่าขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 เดือน สอดคล้องกับการส่งออกในหลายๆ ประเทศในเอเชีย นำโดยเวียดนาม ส่งออก ม.ค.67 เติบโต 42%, ไต้หวันโต 18.1%, เกาหลีใต้โต 18.0%, และสิงคโปร์โต 15.7% เป็นต้น
โดยแนวโน้มภาคการผลิตของโลกในเดือน ม.ค.67 มีสัญญาณดีขึ้น โดยสินค้าเกษตรได้รับอานิสงส์จากราคาปรับตัวสูงขึ้น ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์คาดฟื้นตัวตาม Cycle ต่อเนื่อง ขณะที่ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ภาคการผลิตจีน ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีความท้าทายจากความเสี่ยงที่ขยายวงกว้างในการโจมตีเรือสินค้าบริเวณทะเลแดงที่อาจทำให้ค่าระวางเรือดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่ขยายตัวโดดเด่น ได้แก่ สินค้าเกษตร อาทิ ยางพารา +5.5% (หุ้นที่เกี่ยวข้อง NER–STA) ไก่สดแช่เย็น +5% (CPF–G FPT) ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร อาทิ อาหารสัตว์เลี้ยงโต 5.2% (ITC–AAI) เครื่องดื่มโต 18.6% (CBG–ICHI–OSP) และสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ เครื่องคอมพ์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบขยายตัว 32.2% (DELTA–HANA–KCE)
ขณะที่เอเซีย พลัส ยังประเมินทิศทางตลาดในภาพรวมว่า ดัชนีหุ้นไทยได้ทยอยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วง ก.ย.66-ต.ค.66 กว่า 184 จุด หรือ 11.7% จากความกังวลเรื่องผิดนัดชำระหนี้ บวกกับช่วงต้นปีนี้ที่กำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 4Q66 ออกมาต่ำคาดเกิน 20% และ กองทุนต่างชาติอยู่ในช่วงจัดพอร์ตตาม MSCI และ FTSE ที่ลดน้ำหนักหุ้นไทยลงในบางบริษัท
จึงทำให้การเคลื่อนไหวของ SET Index แกว่งผันผวนในกรอบล่าง 1,360-1,400 จุด จนถึงปัจจุบัน ดังนั้น ความเชื่อมั่นนักลงทุนจึงทยอยหายไปเรื่อยๆ และกดดันในมุมของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่อยู่ระดับ 4.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น Turnover SET รายปีที่ระดับ 61.9% (Ytd) ซึ่งต่ำกว่าระดับปกติปีก่อนหน้าที่ Turnover SET จะอยู่ระดับ 80%-110%
อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงกฎเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลการซื้อขาย เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เอเซีย พลัสมองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทย Outperform ได้ในระยะถัดไป!
อินเด็กซ์ 51
คลิกอ่านคอลัมน์ “เงาหุ้น” เพิ่มเติม