CPALL อวดกำไร 1.8 หมื่นล้าน พุ่ง 39% เซเว่น-โลตัสส์ ขายดี วางงบ 1.3 หมื่นล้าน ลุยเพิ่มสาขา

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

CPALL อวดกำไร 1.8 หมื่นล้าน พุ่ง 39% เซเว่น-โลตัสส์ ขายดี วางงบ 1.3 หมื่นล้าน ลุยเพิ่มสาขา

Date Time: 23 ก.พ. 2567 18:02 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • CPALL รายงานกำไรสุทธิปี 66 ที่ 18,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.3% จากปีก่อน เนื่องจากการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งธุรกิจโลตัสส์ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

Latest


บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CPALL รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 26,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.7% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 18,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.3% จากปีก่อน เนื่องจากการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งธุรกิจโลตัสส์ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ได้มีการบันทึกส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 746 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินลดลง เนื่องจาก บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัสส์) และบริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้มีการออกหุ้นกู้สกุลบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ เพื่อนำจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย และลดภาระดอกเบี้ยจ่ายในงบการเงินรวมของบริษัทฯ อีกด้วย


สำหรับกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมในปี 2566 มีจำนวนเท่ากับ 2.01 บาท กำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ก่อนหักรายการระหว่างกัน แบ่งสัดส่วนตาม 3 ธุรกิจหลัก ได้ดังนี้ (กลุ่ม 1) กำไรจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีสัดส่วน 51% (กลุ่ม 2) กำไรจากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค มีสัดส่วน 34% และ (กลุ่ม 3) กำไรจากธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทย มีสัดส่วน 15%


ทั้งนี้ สัดส่วนกำไรของ (กลุ่ม 1) เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน สาเหตุหลักจากอัตราการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่สูงกว่า


ในรอบปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 921,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 8.0% ทั้งนี้ รายได้จากการขายสินค้าและบริการ มีจำนวน 895,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.0% จากปีก่อนหน้า จากการที่บริษัทฯ ได้ ปรับกลยุทธ์ด้านสินค้าและบริการ รวมถึงกลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปสู่วิถีชีวิตใหม่


ทั้งนี้รายได้รวมในปีนี้ ในทุกกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้า ตามการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักรวมถึงการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นในปี 2566 นอกจากนี้ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งธุรกิจแม็คโคร และโลตัสส์ มีการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน รายได้รวมก่อนหักรายการระหว่างกัน แบ่งสัดส่วนตาม 3 ธุรกิจหลัก มีดังนี้ (กลุ่ม 1) รายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ มีสัดส่วน 44% (กลุ่ม 2) รายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค 50% และ (กลุ่ม 3) รายได้จากธุรกิจอื่นๆ ในประเทศไทยมีสัดส่วน 6% โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจ (กลุ่ม 1) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า


สำหรับคาดการณ์และแนวโน้มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ในปี 2567 บริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขา ต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2567 และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา และใน สปป.ลาว ในปี 2567 อีกด้วย


ส่วนอัตราการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับของอัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น


บริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค


อย่างไรก็ดี คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้

  • การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800-4,000 ล้านบาท
  • การปรับปรุงร้านเดิม 2,900-3,500 ล้านบาท
  • โครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000-4,100 ล้านบาท
  • สินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300-1,400 ล้านบาท

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์