แดเนียล มาร์ค ไฟน์แมน นักวางแผนกลยุทธ์การลงทุนหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ออกรายงานกลยุทธ์การลงทุนฉบับแรก โดยมองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโต เเม้ภาพรวมการลงทุนในครึ่งแรกของปี 2567 อาจยังไม่สดใส แต่ผลตอบแทนจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี ตลอดจนการเติบโตของกำไรจะเร่งตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บล.เกียรตินาคินภัทร ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) ณ สิ้นปี 2567 ที่ 1,530 จุด หรือเพิ่มขึ้น 10% จากระดับในปัจจุบัน ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ ราคาหุ้นไทยที่ไม่แพง ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตด้วยแรงหนุนจากปัจจัยเชิงวัฏจักร และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้
ดังนั้น บล.เกียรตินาคินภัทร แนะนำพิจารณาเลือกซื้อหุ้นที่
- กำไรในปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่ากำไรในอดีตมาก
- ได้ประโยชน์สูงจากการลดอัตราดอกเบี้ย
- มีอัตราการถือของนักลงทุนต่างชาติในระดับต่ำ
- อยู่อันดับต้นๆ ของการประเมินมูลค่าตาม valuation scorecard ของ บล.เกียรตินาคินภัทร
- เป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเทรนด์การลงทุนรถไฟฟ้า EV
โดยหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลาง ที่เลือกคือ CPALL, SCB, MINT, TOP, AWC และหุ้นขนาดเล็ก คือ WHA, OSP, PLANB, SPALI, DIF
อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีปัจจัยความเสี่ยง ได้แก่
- การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
- ธปท.ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
- การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน
ในรายงานกลยุทธ์การลงทุนดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า A 2-3 Year Upcycle ให้เหตุผลประกอบการวิเคราะห์ ดังต่อไปนี้
- ราคาหุ้นไม่แพง โดยหากไม่รวมช่วงโควิดและวิกฤติการเงินโลก P/E ของหุ้นไทยที่มีการปรับเชิงวัฏจักร (cyclically-adjusted P/E) อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 20 ปี ในขณะที่ equity risk premium อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นไทยกำลังซื้อขายที่มูลค่าต่ำสุดในรอบหลายปี
- โอกาสการเติบโตของกำไร Real GDP ของไทยในปีที่ผ่านมายังอยู่ในระดับต่ำกว่าแนวโน้มก่อนโควิดอยู่ 10% และกำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของ MSCI Thailand ยังตามหลัง GDP อยู่ถึง 26% ดังนั้น ในระยะข้างหน้า EPS น่าจะเริ่มเร่งตัวไล่ตามวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ยต่อปี จะอยู่ที่ 12-15% ในระหว่างปี 2566-2572
- แรงหนุนจากปัจจัยเชิงวัฏจักร ถึงแม้เศรษฐกิจไทยมีความท้าทายเชิงโครงสร้าง แต่ในระยะสั้นยังได้รับแรงส่งจากปัจจัยเชิงวัฏจักรที่จะกลับเป็นขาขึ้น โดยประเมินว่า 70% ของส่วนต่างระหว่างอัตรากำไรในปัจจุบันกับแนวโน้มก่อนโควิดมาจากปัจจัยเชิงวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เช่น ภาคการส่งออก รวมถึงภาคการท่องเที่ยว และอัตราดอกเบี้ย และเนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีความสัมพันธ์ไปทางเดียวกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลกมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย ทำให้การเติบโตมีโอกาสเร่งขึ้นได้ในระยะปานกลาง รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐที่ล่าช้าไปในช่วงไตรมาสแรกของปี จะกลับมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกในช่วงครึ่งหลังของปี
- แรงกระตุ้นจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เราคาดว่า ธปท.จะลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนสำคัญของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมักมีผลตอบแทนเป็นบวกในช่วงวัฏจักรขาลงของดอกเบี้ย โดยประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2567 ที่ 1,530 จุด หรือเพิ่มขึ้น 10% จากระดับปัจจุบัน และคาดหวังว่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในปีต่อไปเมื่อกำไรเริ่มปรับเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน
ทั้งนี้ นายแดเนียล มาร์ค ไฟน์แมน นักวางแผนกลยุทธ์ ผู้นำการออกรายงานดังกล่าวของ บล.เกียรตินาคินภัทร ทำงานวงการการเงินมากว่า 25 ปี ในบริษัทวาณิชธนกิจชั้นนำของโลก และเคยได้รับการเสนอชื่อจากนิตยสารวาณิชธนกิจให้เป็นนักวิเคราะห์หุ้นอันดับหนึ่งของไทย และนักวิเคราะห์หุ้นยอดเยี่ยมในเอเชียแปซิฟิก โดยก่อนมาร่วมงานกับบล.เกียรตินาคินภัทร รับผิดชอบการสรุปสถานการณ์การเงินในเอเชียให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังได้รับปริญญาเอกในภาควิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมหาวิทยาลัยเยล และเป็นผู้เขียนหนังสือประวัติศาสตร์ไทยชื่อ “A Special Relationship”