ท่ามกลางความท้าทายของภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากสภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทย ขณะที่กำลังซื้อในประเทศที่ถดถอยสะท้อนจากยอดปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผลประกอบการของ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PSH ในปี 2566 ชะลอตัวลง 20% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 2,205 ล้านบาท
ล่าสุด ‘พฤกษา โฮลดิ้ง’ ประกาศแผนการดำเนินงานปี 2567 เล็งต่อยอดธุรกิจรายได้ประจำ ตั้งเป้ารายได้รวม 28,000 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 26,132 ล้านบาท โดยมีแผนเปิด 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 29,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมสร้างความร่วมมือจากสินค้าและบริการที่หลากหลายจากธุรกิจในเครือ ทั้งธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจรับก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย
อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PSH เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกปีหนึ่งที่เรามีการปรับตัวในการทำธุรกิจค่อนข้างมาก โดยได้มีการปรับโครงสร้าง และโมเดลธุรกิจหลายอย่าง พร้อมการแยกกลุ่มธุรกิจออกมาอีก 4 แกน ได้แก่ 1. ธุรกิจเฮลท์แคร์ 2. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 3. กลุ่มธุรกิจหน่วยใหม่ และ 4. อสังหาริมทรัพย์ประเภทโลจิสติกส์ และอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นด้านสุขภาพ
สำหรับทิศทางในปี 2567 นี้ อุเทน กล่าวว่า จากการผสานประโยชน์ทุกแพลตฟอร์มตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ ทำให้บริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2567 มีรายได้ทั้งกลุ่มรวม 28,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำจากปัจจุบันอยู่ที่ 9% โดยคาดว่าจะแตะที่ระดับ 25% ในปี 2572
ขณะที่การรีโมเดลธุรกิจ และโครงสร้างองค์กรในปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2567 นี้ บริษัทมีความพร้อมทั้งด้านการปฏิบัติการ และความพร้อมทางการเงิน ที่จะเดินหน้าสู่ทิศทางแห่งการเติบโต ตามกลยุทธ์ Ready To Thrive ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ได้แก่ ประโยชน์จากการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งละจำนวนมาก การขนส่ง และการเพิ่มคุณค่าสินค้าให้โครงการ พร้อมเพิ่มโอกาสในการขายข้ามกลุ่มสินค้า (Cross-Selling) รองรับความต้องการของลูกค้า และสร้างรายได้เพิ่มเติมจากสินค้าและบริการต่างๆ ที่หลากหลาย
สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกู้ยืมต่อหุ้นทุนสุทธิ (Net Gearing Ratio) อยู่ในระดับต่ำที่ 0.27 เท่า และจากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทฯ ก็ได้อนุมัติจะนำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลรวมเงินปันผลระหว่างกาลที่ 96 สตางค์ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผลในวันที่ 1 มีนาคม โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 26 เมษายน คิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน 7.5% กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 24 พฤษภาคม 2567
ด้าน ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมีแผนเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในปี 2567 จำนวน 30 โครงการ มูลค่าราว 29,000 ล้านบาท โดยบริษัทมุ่งเพิ่มสัดส่วนในสินค้าในกลุ่มเซกเมนต์กลาง-บน ให้สูงขึ้นมากกว่า 50% โดยคาดว่าจากปี 2562 ที่มีสัดส่วนสินค้ากลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ราว 70% ในปีนี้วางแผนปรับลดให้เหลือราว 40% เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงมุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีสุข” โดยผสานความร่วมมือระหว่างธุรกิจในเครือพฤกษา ทั้งธุรกิจด้านสุขภาพ และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพื่อสร้างสรรค์การอยู่อาศัยที่ดี ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์เพื่อการประหยัดพลังงาน อาทิ โซลาร์เซลล์ พัฒนาดีไซน์บ้านเพื่อสุขภาพดี และประหยัดพลังงานให้ดูแลรักษาง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้อาศัย พร้อมด้วยการตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น โดยนำแพลตฟอร์ม MyHuas ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Smart Home ควบคุมการทำงานในบ้านได้ที่ปลายนิ้วมาใช้ พร้อมด้วยมอบบริการเพื่อสุขภาพที่ดีจากโรงพยาบาลวิมุต พันธมิตรในเครือ
ด้าน นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับปี 2567 กลุ่มวิมุตตั้งเป้ารายได้ที่ 2,300 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขยายจำนวนเตียงที่ให้บริการรวม 600 เตียง ภายใน 3 ปี พร้อมทั้งยังคงดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุตแห่งใหม่ บริเวณถนนสุขุมวิทและย่านฝั่งธนฯ อย่างต่อเนื่อง และแผนการรีแบรนด์โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ให้เป็น “โรงพยาบาลวิมุต เทพธารินทร์” พร้อมเปิดตัวในช่วงเดือนเมษายนนี้
นอกจากนี้ จากความร่วมมือกับ เค.พี.เอ็น ซีเนียร์ ฮอสปิตัล กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และเป็นโซลูชันในการดูแลผู้สูงอายุครบทุกมิติ เพื่อขยายการรองรับสู่สังคมอายุยืน เข้าบริหารเนอร์สซิ่งโฮมของกลุ่มวิมุตในย่านบางนา แบริ่ง และวัชรพล ซึ่งมีจำนวนรวม 240 เตียง พร้อมโอกาสในการบริหารเนอร์สซิ่งโฮมอีก 5 แห่ง
นอกจากนี้ พฤกษา โฮลดิ้ง ได้นำบริการด้านสุขภาพจากเครือวิมุต ผนวกกับเทคโนโลยีระบบ Smart Home เพื่อปรับใช้ในการออกแบบโครงการ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักด้วย
อุเทน โลหชิตพิทักษ์ กล่าวอีกว่า จากการร่วมทุนระหว่าง PSH และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ที่ได้ประกาศตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้น จะมีแผนการพัฒนาโครงการร่วมกัน 3 โครงการ มูลค่ารวม 8.8 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทพยายามดึงพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่ง เข้ามาเสริมการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมกันในส่วนที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน เช่น ธุรกิจโรงแรม ที่พฤกษาไม่เคยทำมาก่อน แต่ออริจิ้นเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการพัฒนาและให้บริการ
ทั้งนี้ การสร้างโรงแรมเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยบริษัทได้ดึงกลุ่มโรงพยาบาลวิมุตเข้าไป เพื่อทำโรงแรมภายใต้คอนเซปต์ “Wellness Hotel” เป็นการผนวกความแข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มในการร่วมกันพัฒนา เชื่อว่าความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้บริษัทนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ ที่ฉีกตัวออกจากตลาดทั่วไปและสร้างความโดดเด่นในตลาดได้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้