GULF ส่งสัญญาณกลับลงทุนไทย รับขุมทรัพย์ PDP ฉบับใหม่ KGI ชี้กำไรจะโตแรงไปอีก 5 ปี

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

GULF ส่งสัญญาณกลับลงทุนไทย รับขุมทรัพย์ PDP ฉบับใหม่ KGI ชี้กำไรจะโตแรงไปอีก 5 ปี

Date Time: 19 ก.พ. 2567 10:53 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Latest


หลังจากที่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ยักษ์ใหญ่ธุรกิจไฟฟ้าของไทย ลุยลงทุนด้านพลังงานในต่างประเทศ อย่างโรงไฟฟ้าในโอมาน กำลังการผลิตกว่า 326 เมกะวัตต์ หรือโรงไฟฟ้าโซลลาร์ฟาร์มในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนี แต่ล่าสุดในการประชุมนักวิเคราะห์ประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 GULF ได้ส่งสัญญาณกลับเข้ามาเน้นการลงทุนในประเทศไทยอีกครั้ง สาเหตุสำคัญจากแผน PDP ที่จะประกาศใหม่ ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์ไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และมุมมองเรากลับมาเน้นลงทุนในประเทศแทนต่างประเทศ เรามองกลางๆ กับข้อมูลที่ได้จากที่ประชุม

ขณะที่ GULF ยังมองบวกกับแนวโน้มระยะสั้นถึงยาว ข้อมูลสำคัญส่วนใหญ่ที่ได้รับจะเกี่ยวกับภาพรวมของอุตสาหกรรม และแนวโน้มธุรกิจ เรารู้สึกว่า GULF กำลังปรับเป้าหมายการลงทุนกลับมาเน้นในประเทศไทย จากที่ก่อนหน้านี้เน้นไปที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทกำลังพิจารณาขายสินทรัพย์ (asset monetization) โดยเฉพาะสินทรัพย์กลุ่มที่ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาด 

ทั้งนี้ บริษัทเห็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตจากในไทยมากขึ้น หลัง risk-rewards กลับมาสมเหตุสมผลกว่าช่วงก่อนหน้านี้ จากโอกาสที่เพิ่มขึ้นหลังมีค่าไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff: UGT), data center และแผน PDP ไทยฉบับใหม่ GULF คาดเห็นโอกาสเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้าระลอกใหม่ในไทย ผู้บริหารคาดจะมีการขยายกำลังการผลิตรอบใหม่ในไทย

โดยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นมาก (>10GWh) ใน PDPs ตลอดช่วงทศวรรษหน้า จากกระแส ESG ที่เร่งตัวขึ้น ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าอุตสาหกรรมค่อนข้างกระตือรือร้นที่จะมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ของการปล่อยสารคาร์บอน ในขณะที่อุปสงค์การใช้ไฟฟ้าจาก data center เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้ามากกว่า EVs และต้องการไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

นอกจากนี้ แผน PDP ฉบับใหม่ของไทย ซึ่งคาดว่าจะออกในปี 2567 อาจจะมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าก๊าซประมาณ 8GWh สำหรับการ replacement ตามแผน ผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง GULF คาดว่า Binance TH by Gulf Binance เริ่มให้บริการในช่วง ม.ค. 67 ที่ผ่านมา จะมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดที่ 30% ภายในปี 2567-68 เพราะค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำกว่า, มี cryptocurrency ให้เลือกเยอะ และมีความน่าเชื่อถือ 

สำหรับแนวโน้มกำไรของบริษัทร่วมของ GULF นั้น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH น่าจะดีขึ้นตาม ARPU ที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจมือถือ และอินเทอร์เน็ต ในขณะที่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM น่าจะดีขึ้นในปีต่อๆ ไป จากลูกค้าใหม่และการยิงดาวเทียมดวงใหม่ Valuation & Action เราไม่สงสัยกับแนวโน้มการเติบโตของ GULF ในอีกอย่างน้อยห้าปีข้างหน้า จากความเชี่ยวชาญของบริษัท, ความสัมพันธ์กับพันธมิตร และงบดุลที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้ GULF แตกต่างจากหุ้นอื่นในกลุ่ม และทำให้ทั้ง ROE และ ROA ดีตามไปด้วย เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2567-68F จะโต 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจะเติบโต 16% จากปีก่อน  ตามลำดับ แนะนำ ซื้อ GULF ราคาเป้าหมาย 55.00 บาท

GULF คาดรายได้โต 25-30 % 

ยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า รายได้รวมของปี 2567 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 25-30% จากปี 2566 จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GPD หน่วยที่ 3 และ 4 ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,325 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนมีนาคมและตุลาคม 2567 ตามลำดับ

รวมทั้งการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหินกองหน่วยที่ 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนมีนาคม 2567 นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ของกลุ่ม GULF1 จะทยอยเปิดดำเนินการเพิ่มอีกจำนวน 120 เมกะวัตต์ในปีนี้ ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar Farms With Battery Energy Storage Systems: Solar BESS) ภายในประเทศ มีแผนที่จะทยอยเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 5 โครงการในปลายปี 2567 โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 532 เมกะวัตต์ นางสาวยุพาพิน กล่าวต่อว่า GULF เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) 

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐในปัจจุบันที่จะมุ่งสู่พลังงานสะอาด โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการ Solar Farms และ Solar BESS จำนวนรวม 24 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งไฟฟ้าตามสัญญารวมทั้งสิ้น 2,396 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2567-2572 และลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมจำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569

ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน GULF มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งจากพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้น 8,211 เมกะวัตต์ และพร้อมมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 3,000 เมกะวัตต์ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2578 จากโครงการ Solar Rooftop, Solar Farms, Solar BESS พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานขยะอุตสาหกรรม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ผ่านรูปแบบการลงทุนใหม่ (Greenfield) การเจรจาการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) นอกจากนี้ ในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ GULF จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ซึ่งนับเป็นเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่นำ LNG เข้ามาในประเทศ

โดยการนำเข้า LNG นี้เป็นไปตามแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติของประเทศ อันจะช่วยลดความเสี่ยงในการจัดหาก๊าซธรรมชาติ และเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศอีกด้วย ในส่วนของความคืบหน้าของโครงการภายใต้ธุรกิจดิจิทัลยังคงเป็นไปตามแผน โดยธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ภายใต้แพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแก่ผู้ใช้งานทั่วไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดที่ประมาณ 30% ในปี 2567 ในขณะที่ธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) นั้น อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีแผนที่จะเปิดให้บริการเฟสแรกในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 20 เมกะวัตต์ 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์