จับตา GULF ประกาศงบปี 66 วันนี้ คาดกำไร Q4 ไม่เด่น โบรกฯ แนะเก็บหุ้นหลังงบออก

เกาะติดการประกาศผลประกอบการปี 2566 ของบริษัทจดทะเบียน เป็นที่น่าจับตาสำหรับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GULF หุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะประกาศผลประกอบการในวันนี้ (15 ก.พ.66) ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ชี้งบไตรมาส 4/66 อาจไม่โดดเด่นจากปริมาณขายไฟฟ้า IPP ที่ลดลง และผลกระทบจากมาตรการลดค่าไฟ จะเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวในช่วงสั้น

คาดกำไรไตรมาส 4/66 ไม่เด่น

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 4/66 ที่ 3,682 ล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาสก่อน แต่เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน แม้มีการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 2 ขนาด 662.5 เมกะวัตต์ แต่ถูกกดดันจาก

1. คาดปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า IPP ที่มีอยู่เดิมลดลงจากไตรมาสก่อนตามปัจจัยฤดูกาล
2. การรับรู้ผลกระทบจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลแบบเต็มไตรมาส
3. คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเร่งตัวขึ้นจากการเดินเครื่องโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่และปัจจัยฤดูกาล (การจ่ายโบนัสพนักงาน)
4. คาดส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ลดลงมาอยู่ที่ราว 1,120 ล้านบาท หลังค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของ ADVANC เร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และการเริ่มรับรู้ผลขาดทุนจาก TTTBB

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้ แม้คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น เนื่องจากรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ใหม่และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงจากฐานที่สูง สามารถชดเชยผลกระทบได้ หากกำไรปกติไตรมาส 4/66 ออกมาใกล้เคียงคาด จะส่งผลให้กำไรปกติทั้งปี 2566 ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา

ลุ้นกำไรปกติปี 2567 ฟื้นทุกไตรมาส

อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติปี 2567 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ทุกไตรมาส เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 1/67 ที่ระดับ 3,800-4,000 ล้านบาท เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อนและจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังได้แรงหนุนจาก

1. ปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า IPP ที่เร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลและการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1 ขนาด 377.3 เมกะวัตต์ ในเดือน มี.ค.
2. การได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 2567 เป็น 4.18 บาท/หน่วย (เทียบกับงวด ก.ย.-ธ.ค. 2566 ที่ 3.99 บาท/หน่วย)
3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
4. 4 ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่ฟื้นตัวและหากมองไปยังช่วงไตรมาส 2/67-4/67 คาดกำไรสามารถเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้เช่นกันจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และการเดินเครื่องกำลังผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

แนะ “ซื้อ” หลังงบออก

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 18,107 ล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อน และคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 52.75 บาท/หุ้น มีอัพไซด์ 20.6% คงคำแนะนำ “ซื้อ” แม้เรามองว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวในระยะกลาง-ยาว ตามการเติบโตของกำไรและแรงเก็งกำไรเกี่ยวกับการประกาศแผน PDP ฉบับใหม่ของไทย (คาดมีความชัดเจนในปี 2567) และการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนส่วนขยายของ กกพ. (คาดมีความชัดเจนในครึ่งหลังปี 2567 เป็นอย่างเร็ว)

แต่ในช่วงสั้นคาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากงบไตรมาส 4/66 ที่ไม่เด่น เชิงกลยุทธ์นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย อาจพิจารณาชะลอการลงทุน และรอเข้าลงทุนเพื่อหวังการฟื้นตัวของราคาหุ้นในหลังการประกาศงบไตรมาส 4/66 (คาดรายงานวันที่ 15 ก.พ.)

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney