BTS หนัก 9 เดือน ขาดทุน 5.27 พันล้าน บันทึกขาดทุน เคอรี่-แรบบิท ค่าใช้จ่าย-ต้นทุนพุ่ง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

BTS หนัก 9 เดือน ขาดทุน 5.27 พันล้าน บันทึกขาดทุน เคอรี่-แรบบิท ค่าใช้จ่าย-ต้นทุนพุ่ง

Date Time: 15 ก.พ. 2567 09:34 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • BTS รายงานงบงวด 9 เดือนของปี 2566/67 ขาดทุนสุทธิ 5,277 ล้านบาท จาก (1) ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน KEX (2) ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในแรบบิท โฮลดิ้งส์ และ JMART รวมถึงส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX และ (3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

Latest


บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BTS รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลการดำเนินงานประจำงวด 9 เดือนของปี 2566/67 บีทีเอส กรุ๊ป บันทึกขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 5,277 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก (1) ผลกระทบจากการรับรู้รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน KEX (2) ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในแรบบิท โฮลดิ้งส์ และ JMART รวมถึงส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX และ (3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ดี หากหักรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (ซึ่งรวมถึงผลขาดทุนจากการด้อยค่าดังกล่าวข้างต้น) บริษัทรายงานกำไรสุทธิหลักจำนวน 196 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ(ก่อนรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ หลังหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย) อยู่ที่ 1.1%


บริษัทฯ บันทึกรายได้รวมสำหรับรอบระยะเวลาเก้าเดือนของปี 2566/67 จำนวน 19,676 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% หรือ 1,862 ล้านบาท จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น จำนวน 919 ล้านบาท (2) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการบริการและการขาย จำนวน 500 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจบริการดิจิทัล ภายใต้ธุรกิจ MIX และการรับรู้รายได้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นครั้งแรก ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ภายใต้ธุรกิจ MOVE และ (3) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการรับเหมา จำนวน 453 ล้านบาท จากงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง Recurring EBITDA สำหรับรอบระยะเวลาเก้าเดือนของปี 2566/67 ของบริษัทฯ จำนวน 6,081 ล้านบาท ลดลง 270 ล้านบาท หรือ 4.2% จากปีก่อน โดย Recurring EBITDA จากธุรกิจ MOVE ขยายตัวต่อเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน BTSGIF


อย่างไรก็ดี ผลประกอบการนับตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงปัจจุบันของธุรกิจ MIX และธุรกิจ MATCH ปรับตัวลดลง สาเหตุหลักมาจาก (1) การรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในแรบบิท โฮลดิ้งส์ และ JMART รวมถึงส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX (2) การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารโดยเฉพาะจากธุรกิจ MOVE และ MIX ทั้งนี้ อัตรากำไรของ Recurring EBITDA สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2566/67 อยู่ที่ 42.9% (เทียบกับ 48.4% ใน 9 เดือนแรกของปี 2565/66)


ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566/67


ด้านภาพรวมโดยสรุปของไตรมาส 3 ปี 2566/67 บีทีเอส กรุ๊ป รายงานขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 4,762 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการบันทึกรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ได้แก่ (1) การรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน KEX (2) ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนใน SINGER(1) ของแรบบิท โฮลดิ้งส์และ (3) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 53.2% จากปีก่อนหน้า


อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ (ซึ่งรวมถึงผลขาดทุนจากการด้อยค่าดังกล่าวข้างต้น) บริษัทรายงานกำไรสุทธิหลังปรับปรุงแล้ว จำนวน 144 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ(ก่อนรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ หลังหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย) อยู่ที่ 2.1%


ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 6,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% หรือ 251 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักมาจาก (1) รายได้จากการให้บริการรับเหมาที่เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้แล้วเสร็จ (2) รายได้จากการบริการและการขายที่เพิ่มขึ้น 197 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วยกำไรจากการขายและเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนที่ลดลงจำนวน 185 ล้านบาท

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ