บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 (1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2566) สร้างสถิติสูงสุดต่อเนื่อง โดยทำกำไรสุทธิได้ 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 และเพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบงวดเดียวกันปีก่อน
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังสูงที่ระดับ 64% อัตรากำไรสุทธิ 21.5% รับอานิสงส์เชิงบวกจากทุกมาตรการภาครัฐ และฤดูกาลท่องเที่ยว ดันยอดช็อปงวดครึ่งปีพุ่งทะลุ 2,184 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติปันผลงวดกลางปี 0.50 บาท
เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MC เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% เทียบไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 246 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 64% มีอัตรากำไรสุทธิที่ 21.5%
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ไตรมาส หนุนให้ งวด 6 เดือนแรก ปีบัญชี 2567 (1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2566) มีกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบงวดเดียวกัน มีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 2 ของปีบัญชี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 420 ล้านบาท หรือ 47.61% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 186 ล้านบาท หรือ 16.6% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 1,117 ล้านบาท หนุนให้งวดครึ่งแรกของปีบัญชี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวมทั้งสิ้น 2,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308 ล้านบาท หรือ 16.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำลังซื้อที่กลับมาในช่องทางออฟไลน์ และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
รวมไปถึงการเติบโตในช่องทางออนไลน์ และได้รับอานิสงส์จากมาตรการของภาครัฐรวมถึงฤดูกาลท่องเที่ยวในประเทศที่กลับมาคึกคัก การปรับตัวลดลงของราคาขายปลีกน้ำมัน ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดกำลังซื้อกลับเข้ามาทั้งในช่องทางออฟไลน์ ได้แก่ ช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) 68% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกอยู่ที่ 66%, ห้างสรรพสินค้า (Department Store) 19%, ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) 10% และช่องทางอื่นๆ คิดเป็น 3%
ทั้งนี้รายได้จากช่องทางค้าปลีกของตนเองเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 มีรายได้ 889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150 ล้านบาท หรือ 20.3% งวด 6 เดือน มีรายได้ 1,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243 ล้านบาท หรือ 19.8% จากกำลังซื้อที่กลับมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน Mc Outlet ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนให้บริษัทฯ มีจุดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 570 จุด
ขณะที่ ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) ไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 มีรายได้ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือ 46.7% ส่วนงวด 6 เดือน มีรายได้ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76 ล้านบาท หรือ 49.8% ซึ่งแบรนด์แม็คยีนส์มียอดขายอันดับ 1 สูงสุดในแพลตฟอร์ม TikTok หมวดหมู่สินค้าเสื้อผ้าผู้ชาย
บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์หลัก ที่มุ่งเน้นคุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับเกมการตลาดเน้นทำ Product Mix การส่งเสริมการขายและการบริหารช่องทางการขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลดำเนินรวมของบริษัทฯ เติบโต หนุนให้ผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ขึ้นไปอยู่ที่ 18.1% จาก 17.4% เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2566
“แม็คกรุ๊ป” ยังคงสถานะการเป็นบริษัทฯ ไม่มีหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงิน ขณะที่เงินสดในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 มีเงินสดอยู่ 1,719 ล้านบาท ผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่แข็งแกร่งต่อเนื่องส่งผลให้คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีบัญชี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเกือบ 100% ของกำไรสุทธิ และให้อัตราผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นประมาณราว 3.5-4%.
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้