บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในปี 2566 กลุ่มอินทัชมีกําไรสุทธิรวม 13,139 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกําไรจากไอทีวีในธุรกิจอื่น เนื่องจากการกลับรายการประมาณการส่วนต่างของค่าอนุญาตให้ดําเนินการค้างจ่ายและดอกเบี้ยของไอทีวี ภายหลังจาก ศาลปกครองสูงสุดมีคําตัดสิน และ การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกําไรจากเอไอเอส เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ การควบคุม ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด
และกําไรจากการขายเงินลงทุนในแรบบิท-ไลน์ เพย์รวมทั้ง เอไอเอสมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุน จากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในปี 2566 ผลการดําเนินงานของกลุ่มอินทัชไม่มีส่วนแบ่งกําไรจากไทยคม เนื่องจากอินทัชได้ขายเงินลงทุนในไทยคมไปเมื่อปลายปี 2565 ผลการดําเนินงานเฉพาะบริษัท
ในปี 2566 อินทัชมีส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวม 12,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของผลกําไรของไอทีวีและเอไอเอส โดยอินทัชมีค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานสําหรับปี 2566 อยู่ที่ 176 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2565
ปัจจุบันอินทัชมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลจากงบการเงินเฉพาะบริษัท โดยพิจารณาจ่ายในอัตราร้อยละ 100 จากเงินปันผลที่ บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย หากไม่มีเหตุจําเป็นอื่นใด และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดําเนินงานปกติ ของอินทัชอย่างมีนัยสําคัญ
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของอินทัช เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติเสนอการจ่ายเงินปันผลสําหรับผลการดําเนินงานปี 2566 ในอัตรา 3.17 บาทต่อหุ้น โดยอินทัชจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2566 แล้ว ในอัตราหุ้นละ 1.47 บาท คงเหลือที่จะจ่ายในอัตราหุ้นละ 1.70 บาท ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวข้างต้นขึ้นอยู่กับมติการอนุมัติจ่ายเงินปันผลของที่ประชุมสามัญผู้ถือประจําปี 2567 ของอินทัช
านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney