หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงเจ้าของใหม่ สำหรับ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX โดย เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ SFTH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ S.F. Holding Co (บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น) ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้น KEX จำนวน 1.28 พันล้านหุ้น (หรือ 73.18% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด) ในราคา 5.50 บาท/หุ้น
โดยในวันนี้ ราคาหุ้นของ KEX ในช่วงเช้า ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 5.50 บาท หรือลดลง 1.79% ในขณะที่ บริษัท วี จี ไอ จำกัด (มหาชน) VGI. ราคาอยู่ที่ 1.72 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 3.61% และราคาหุ้นของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) BTS ปิดที่ 6.05 บาทต่อหุ้น ปรับตัว 0.83%
โดย VGI. เป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 2 ใน KEX จำนวน 269 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 15.45% และ BTS ถือหุ้นอันดับที่ 3 จำนวน 88 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ ประเมินว่า การเข้าซื้อดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการประกาศตามเงื่อนไขของ Kerry Logistics Network Limited (KLN) เกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลพิเศษ โดยการจ่ายเงินปันผลในลักษณะเดียวกับหุ้น KEX ที่ถือหุ้นทางอ้อมจำนวน 907.2 ล้านหุ้น (52.1%) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KEX จาก KLN เป็น SFTH หลังจากการจ่ายเงินปันผลพิเศษ สัดส่วนการถือหุ้นของ SFTH จะอยู่ที่ 26.82% ซึ่งเกินเกณฑ์ 25% ที่กำหนดให้ SFTH ต้องยื่นคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือ (73.18%)
อย่างไรก็ตามในด้านผลกระทบกับผลการดำเนินงาน จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแผนธุรกิจและผลการดำเนินงานของ KEX เรามีมุมมอง neutral ในเรื่องนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจาก KLN เป็น SFTH ไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแผนธุรกิจ/กลยุทธ์ การดำเนินงาน และผลการดำเนินงานของ KEX เนื่องจากทั้ง KLN และ SFTH ถือหุ้นส่วนใหญ่โดย S.F. Holding Co
การคาดการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง คาดว่า KEX จะยังคงขาดทุนจนถึงปี 2568
เราคงประมาณการของเรา โดยคาดว่า KEX จะยังคงขาดทุนจนถึงปี 2568 เทียบกับความคาดหวังของบริษัทว่าจะถึงจุดคุ้มทุน EBIT ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และกลับมามีกำไรสุทธิในปี 2568 เรามองกลยุทธ์ของบริษัทในแง่ดีในการมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าระดับกลางถึงระดับสูงและลูกค้าอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มรายได้ต่อการฝากขายในขณะที่ดำเนินโครงการลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลของแผน และอัตราการรับรู้การปรับปรุงรายได้ยังคงต้องติดตามกันต่อไป
คงคำแนะนำ “ขาย” สำหรับ KEX โดยมูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 4.80 บาท
เนื่องจากเราคงประมาณการกำไรไว้, มูลค่าที่เหมาะสมของเราที่ 4.80 บาท จึงยังคงอยู่ ซึ่งอิงตามวิธี DCF ซึ่งมีการประเมินมูลค่าในปี 2024F และการคาดการณ์ของเราประกอบด้วย WACC 9.5%, CoE 9.5%, Rf 3.2%, พรีเมียมความเสี่ยงด้านตลาด 6.4% และอัตราการเติบโตทางธุรกิจ 1% เนื่องจากราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นมากกว่าราคาเสนอซื้อที่ 5.50 บาท เราจึงมองว่าคำเสนอซื้อที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นโอกาสในการขาย ซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญคือ การแข่งขันที่รุนแรง และกำลังซื้อที่ลดลง
านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney